ปัจจุบันแม้จะมีโรคอุบัติใหม่และเชื้อโรคร้ายกลายพันธุ์ต่างๆ แต่เทคโนโลยีทางการแพทย์ ทั้งด้านการรักษา การสร้างภูมิต้านทาน และเครื่องมืออุปกรณ์ในการป้องกันยับยั้ง ก็พัฒนานวัตกรรมให้ก้าวตามไปอย่างไม่หยุดเช่นกัน เหมือนกับตัวอย่าง 5 นวัตกรรมเหล่านี้ ที่ถูกวิจัยและพัฒนามาอย่างพิถีพิถันเพื่อป้องกันไวรัสให้กับมนุษย์เรา
มาถึงแล้ว…เจ้าเชื้อโรคร้ายกลายพันธุ์ ที่ทำให้แพร่เชื้อได้ง่ายกว่าเดิมหลายเท่า ทุกคนจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อได้ ดังนั้นจากนี้และในทุกวันหากเรารู้ทัน ระวัง และป้องกันตัวเองอย่างถูกวิธีไว้ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้มากขึ้น
หากสงสัยทำไมลูกรักเป็นหวัดน้ำมูกไหลไม่หายสักที บางวันก็คัดจมูก จามถี่ๆ หายใจฟื้ดฟ้าด น้ำมูกย้อย ทั้งที่อยู่ในบ้าน ขอบอกว่าอาการแบบนี้ไม่ใช่หวัด แต่ลูกน่าจะเป็นภูมิแพ้อากาศหรือภูมิแพ้จมูกอักเสบ ที่เจอสารก่อภูมิแพ้เมื่อไรมีอาการเมื่อนั้น แบบนี้อย่าปล่อยไว้ รีบป้องกันไม่ให้อาการแพ้กำเริบตั้งแต่วันนี้ดีที่สุด!
เบื่อไหม? ที่มีน้ำมูกไหลและจามบ่อยๆ เพราะแพ้อากาศ ยิ่งในช่วงหน้าหนาวอากาศเปลี่ยน หรือคุณภาพอากาศไม่ดี มีฝุ่น คนเป็นภูมิแพ้จมูกอย่างเรายิ่งใช้ชีวิตลำบากเพราะต้องคอยเช็ดน้ำมูก กินยาแก้แพ้ หรือพ่นยาบ่อยๆ
เมื่อไรที่คนเป็นภูมิแพ้จามบ่อยเกินไป คัดแน่นจมูก และมีน้ำมูกไหลไม่หาย คงเฉยต่อไปไม่ได้เพราะหากปล่อยอาการแพ้แบบนี้เรื้อรังนานไป จะเสี่ยงต่ออาการรุนแรงที่แก้หรือรักษาได้ยาก เราจึงมาแนะนำไอเทมสำคัญประจำตัวที่จะช่วยป้องกันสารก่อภูมิแพ้ ลดอาการแพ้ไม่ให้เป็นได้ง่ายหรือกำเริบได้มากขึ้น
รู้ไหมว่า? ในจำนวนคนป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ทั้งหมด 100 คน จะพบเด็กและวัยรุ่นเป็นโรคภูมิแพ้
จมูกอักเสบกันมากถึงประมาณ 80 คนทีเดียว ฉะนั้นจึงต้องรีบหาวิธีดูแลป้องกันไม่ให้เด็กๆ ป่วยภูมิแพ้เรื้อรังหรือมีอาการกำเริบกันอย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไปอาจเสี่ยงเป็นหอบหืดหรือโรคอื่นๆ ได้ในอนาคต
รู้ไหมว่า…ฝุ่น PM2.5 ทำเราป่วยได้มากกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ แต่ยังส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน ทำให้โรคภัยในร่างกายกำเริบจนเป็นอันตรายได้มากขึ้น แถมยังสร้างปัญหาให้ผิวหนังและความงาม ทำให้ผมร่วงเป็นโรคผิวหนัง แก่ก่อนวัย รู้แบบนี้แล้วรีบป้องกันฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ตัวอันตรายอย่าให้เข้าร่างกายได้เด็ดขาด
ในฤดูหนาวและช่วงสิ้นปี ถือเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับฝุ่น PM 2.5 หมอกควัน และมลพิษร้ายในอากาศกันค่อนข้างมาก ทั้งจากอากาศปิดไม่มีฝนชะล้าง ควันจากการเผาที่นาหรือการเกษตร รวมกับมลพิษในอากาศที่เกิดจากควันและไอเสียของรถยนต์บนท้องถนน
เห็นข่าวมีไวรัสกลายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดในแถบประเทศแอฟริกา แถมยังเริ่มมาเอเชียและยุโรปแล้ว ทุกคนก็คงจะหวั่นๆ ว่าจะมาถึงไทยเมื่อไร ที่สำคัญยังมีข้อมูลที่น่ากลัวกว่านั้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญบอกว่าไวรัสแพร่ในห้องแอร์และรถโดยสารได้มากกว่าที่รู้กัน แบบนี้…ยิ่งต้องระวังป้องกันตัวเองสุดๆ
ฤดูกาลไฮซีซั่นหน้าหนาว เป็นเวลาแห่งการท่องเที่ยวที่มาพร้อมกับวันหยุดยาว เทศกาลเฉลิมฉลอง บวกกับอากาศเย็นๆ ที่เป็นใจ แต่!จะเที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัย เพราะโควิดร้ายยังอยู่และยังมีสายพันธุ์ใหม่อย่างโอไมครอน (Omicron) ให้ระทึกใจ
ลูกจะเปิดเทอมแล้ว พ่อแม่เตรียมเครื่องมือสำคัญป้องกันไวรัสให้ลูกหรือยัง? เพราะโรคนี้ยังติดเชื้อสูงอยู่ทุกวัน แถมลูกๆ วัยประถมก็ยังไม่ได้วัคซีนป้องกัน แบบนี้ต้องเตรียมผู้ช่วยป้องกันโรคร้ายใส่กระเป๋าให้ลูกไว้แบบพร้อมได้แล้ว!
เมื่อวันนี้โรคภัยมีอยู่ทุกทิศในอากาศ เราไม่รู้ว่าจะติดและป่วยเมื่อไร จะดีกว่าไหม? ถ้าเราป้องกันไวรัส ฝุ่นพิษ และโรคทางเดินหายใจไว้ล่วงหน้าได้ เพื่อไม่ให้ต้องมานั่งเสียใจ เพราะการเจ็บป่วยไม่สบายภายหลัง
รู้ไหมว่า…ฝุ่นพิษ PM 2.5 อันตรายต่อเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ และยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ลูกป่วยในช่วงหน้าหนาวได้ง่ายอีกด้วย ฉะนั้นอย่ารอให้ลูกป่วยจนแก้ไม่ทัน มาสร้างเกราะป้องกันจมูกของลูกเอาไว้ไม่ให้ฝุ่นร้ายเข้าร่างกายได้ดีที่สุด
โรคภูมิแพ้เป็นกลุ่มโรคเรื้อรังที่พบมากขึ้นทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย จากการสำรวจในประเทศไทยพบว่ามีอุบัติการณ์เพิ่มขึ้น 3 – 4 เท่า ในระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา โดย 1 ใน 3 ของเด็กไทยเป็นโรคเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ และ 1 ใน 6
ช่วงใกล้สิ้นปีทีไร ฝุ่น PM 2.5 มาอีกแล้ว!! แถมหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะฝุ่นเหล่านี้มาจากทั้งการเกษตรเผาไร่ ไฟป่า อากาศที่ไม่มีฝนชะล้างความสกปรก ทำให้ร่างกายได้รับฝุ่น PM 2.5 เสี่ยงเป็นโรคร้ายทั้งปอด หัวใจ และสมองป่วยเป็นอันตรายได้
นาซัลลีซ Nasaleze สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง ผงจะเปลี่ยนลักษณะเป็นเจลในโพรงจมูก เพื่อดักจับ และป้องกันไม่ให้สารก่อภูมิแพ้ เชื้อโรค ไวรัส ที่แพร่กระจายในอากาศ และฝุ่น PM2.5 เข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูก
จากข้อมูลที่กระทรวงศึกษาธิการเตรียมพร้อมเปิดเทอม 2/2564 โดยคาดว่าจะเปิดเรียนเต็มรูปแบบได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ (แนวโน้มการเปิดเทอม อย่างเร็วที่สุดอาจจะเลื่อนเป็นวันที่ 15 พฤศจิกายน นี้ และรูปแบบการเปิดเรียนอาจจะเป็นไปตามข้อเสนอของที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แพทย์ที่ปรึกษา ศบค. นพ.อุดม คชินทร ได้เคยออกมาเปิดข้อมูลว่า ประเทศไทยมีคนติดเชื้อโควิดแฝงอยู่ถึง 6-7 ล้านคน หรือ 5-6 เท่าของผู้ติดเชื้อยืนยัน เฉพาะใน กทม. ประมาณถึง 1.5 ล้านคน (Ref.1) ที่สำคัญคนส่วนใหญ่ยังแพร่เชื้อได้โดยไม่รู้ตัว ทั้งยังย้ำเตือนว่าให้ทุกคนป้องกันตัวเองให้มาก เพราะแม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ป้องกันไม่ได้ 100%
ในขณะที่โรคภัยยังระบาด ติดเชื้อกันมากและเสียชีวิตเกือบสองร้อยต่อวัน แต่ทุกคนก็ยังต้องรับผิดชอบหน้าที่การงาน มีภาระดูแลครอบครัว สถานการณ์อย่างนี้ทำให้หลายคนเลี่ยงไม่ได้ ต้องออกเดินทางไปทำงานและดูแลครอบครัวกันต่อไป
สำหรับเด็กและแม่ตั้งครรภ์การป้องกันเชื้อโควิดแบบธรรมดาคงไม่เพียงพอ!! ด้วยตัวเลขการติดเชื้อที่อยู่ในระดับเกือบ 2 หมื่นคนต่อวัน ที่สำคัญคุณแม่ตั้งครรภ์ ยังเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงของโรคที่หากติดเชื้อแล้วจะมีความรุนแรงกว่าคนทั่วไปถึง 3 เท่า ฉะนั้นแนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์และเด็กน้อยต้องยกระดับป้องกันไวรัสขั้นสูงสุดกันเลย
เคยไหม? ที่ลูกงอแงหันหน้าหนีเมื่อต้องใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า แถมยังใส่ๆ ถอดๆ เพราะรำคาญหงุดหงิด แบบนี้เสี่ยงติดเชื้อโควิดได้ง่าย แต่เมื่อสถานการณ์โรคระบาดมากขนาดนี้ก็ต้องฝืนใจบังคับลูกใส่ แต่ถ้าพ่อแม่มีทางเลือกช่วยป้องกันลูกได้ น่าจะดีกว่านี้
จากข่าวต่างๆ ที่ออกมาทำให้เห็นแล้วว่าแม้คนที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ครบแล้วทั้งสองเข็ม ที่สำคัญยังเป็นวัคซีนที่เชื่อกันว่ามีประสิทธิภาพที่ดี ก็ยังสามารถติดเชื้อโควิดได้ นั่นก็เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า การฉีดวัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้มากสักเท่าไร
วันนี้การ Work From Home ก็ใช่ว่าจะรอดจากโควิด เพราะแม้ว่าจะไม่ได้ออกไปไหน แต่ทั้งคนในบ้านที่เข้าๆ ออกๆ ของใช้หรือขนมที่สั่งดีลิเวอรี่ส่งเข้ามา จดหมาย และอุปกรณ์รอบกาย ก็เสี่ยงติดโควิดได้หมด ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้ส่วนใหญ่คนจะติดเชื้อกันจากในบ้านนี่เอง
เพราะเชื้อโควิด19 อยู่ในอากาศได้ การป้องกันทั่วไปจึงไม่เพียงพอ ตามที่ทราบกันดี ตอนนี้ไวรัสกลายพันธุ์สามารถแพร่เชื้อได้ทางอากาศ ซึ่งทำให้เกิดโอกาสการติดเชื้อได้ค่อนข้างง่าย แค่เพียงการหายใจปกติก็สามารถติดเชื้อได้ ไวรัสจะลอยในอากาศเมื่อผู้ติดเชื้อ ไอ จาม พูด หรือร้องเพลง และอาจติดคนอื่นๆ ได้
