นโยบายความเป็นส่วนตัว

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท เวเลอร์ เฮลธ์ จำกัด

กรุณาอ่านเงื่อนไขและข้อตกลงนี้โดยละเอียด หากคุณไม่ยอมรับหรือไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขและข้อตกลงตามนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ กรุณาปฏิเสธการเข้าใช้แพลตฟอร์มของบริษัท

 

ขอบเขตและวัตถุประสงค์ของประกาศนี้

บริษัท เวเลอร์ เฮลธ์ จำกัด หรือ “บริษัท” ตระหนักถึงความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลธรรมดาที่ซื้อสินค้าหรือใช้บริการ (“ลูกค้า”) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังนั้นบริษัทจึงได้จัดทำประกาศฉบับนี้ขึ้นซึ่งครอบคลุมถึงลูกค้าทุกคน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายวิธีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในส่วนที่เกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าหรือใช้บริการใดๆ ของบริษัท โปรดอ่านเอกสารฉบับนี้เพื่อรับทราบและทำความเข้าใจในวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามประกาศนี้

 

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าซึ่งทำให้สามารถระบุตัวลูกค้าได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมโดยไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม ข้อมูลนิติบุคคล หรือข้อมูลที่ได้ผ่านกระบวนการทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวลูกค้าที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้

 

“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data)” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

 

“การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง การดำเนินการใดๆ ของบริษัทต่อข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า รวมถึง การเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และการลบข้อมูลส่วนบุคค

 

ผู้ที่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

บริษัทเป็น “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” ของลูกค้าทุกคน จึงมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อการประมวลผลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะกระทำเท่าที่จำเป็นแก่การให้บริการเพื่อดำเนินการตามคำขอ ซึ่งอาจรวมถึงการส่งเสริมการขาย การทำการตลาดแล้วแต่กรณี โดยมีวัตถุประสงค์ ขอบเขต และวิธีการใช้ตามที่กฎหมายกำหนด

 

ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่บริษัทอาจเก็บรวบรวม

ในการเข้าถึงและใช้บริการของบริษัทจำเป็นที่ลูกค้าต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของลูกค้าเพื่อให้สามารถระบุเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ซึ่งบริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากลูกค้าโดยตรง ข้อมูลดังกล่าวรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ระบุในระบบฐานข้อมูล เช่น ชื่อ สกุล วันเดือนปีเกิด เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ ไลน์ไอดี Internet Protocol (IP) หรือข้อมูลอื่นในทำนองเดียวกัน

 

เหตุใดบริษัทต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อการดำเนินการทั้งหลายตามวัตถุประสงค์ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้าและการให้บริการหลังการขาย โดยบริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าด้วยเหตุผล (ฐานในการประมวลผลข้อมูล) ซึ่งอาจจะอาศัยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งหรือหลายเหตุผล ประกอบกันก็ได้ดังนี้

 

  • ประมวลผลตามฐานสัญญาซื้อขาย (Contract) เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามหน้าที่ในการขายสินค้า หรือการใช้บริการหลังการขายตามนโยบายของบริษัท
  • ประมวลผลตามความยินยอม (Consent) โดยบริษัทจะขอความยินยอมจากลูกค้าในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคคลของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด การส่งเสริมการขาย หรือเพื่อการสถิติ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ประเมินผลข้อมูล หรือเพื่อวัตถุประสงค์ใดๆ ที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย
  • ประมวลผลตามฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation) เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจการของบริษัทได้อย่างถูกต้อง
  • ประมวลผลตามประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) ของบริษัทหรือบุคคลอื่น เช่น การบันทึกข้อมูลการซื้อขายหรือให้บริการ การพัฒนาสินค้าและการให้บริการ เป็นต้น

การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้เท่านั้น ในบางกรณีบริษัทอาจพิจารณาว่าสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามวัตถุประสงค์อื่นที่เกี่ยวข้องและไม่ขัด หรือนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์เดิม แต่ในกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลด้วยวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์เดิม บริษัทจะแจ้งให้ลูกค้าทราบหรือขอความยินยอมใหม่เพื่อการใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ใหม่นั้น

 

การขอความยินยอมจากผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ และคนเสมือนไร้ความสามารถ

  • ผู้เยาว์ที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี ให้ขอความยินยอมจากผู้ปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์
  • ผู้เยาว์ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะสามารถให้ความยินยอมโดยลำพังได้ หากเข้าข่ายตามมาตราที่ 22, 23 และ 24 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นอกเหนือจากนั้นให้ขอความยินยอมจากผู้ปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ประกอบด้วย
  • คนไร้ความสามารถ ให้ขอความยินยอมจากผู้อนุบาลที่มีอำนาจกระทำการแทนคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ ให้ขอความยินยอมจากผู้พิทักษ์ที่มีอำนาจกระทำการแทนคนเสมือนไร้ความสามารถ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก

 

การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้ผู้ให้บริการภายนอก

บริษัทอาจทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลภายนอกเท่าที่จำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลตามหน้าที่ความรับผิดชอบตามสัญญาหรือตามกฎหมาย หรือตามที่ได้รับความยินยอมจากลูกค้า

ทั้งนี้ เว็บไซต์และบัญชีชำระเงิน อาจให้ลิงก์เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์และการบริการอื่น เพื่อความสะดวกและให้ข้อมูลแก่ท่าน ซึ่งอาจมีประกาศและนโยบายความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างจากของบริษัท ทางบริษัทแนะนำให้ท่านตรวจสอบก่อนที่จะใช้งานการบริการเหล่านั้น ตามขอบเขตที่บริษัทไม่ได้เป็นเจ้าของหรือควบคุมเว็บไซต์ที่ถูกลิงก์ไปซึ่งลูกค้าเข้าเยี่ยมชมนั้น บริษัทจะไม่รับผิดชอบการบริการนั้นๆ วิธีการและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ ข้อมูลบัตรเครดิตของท่าน เช่น เลขที่บัตรเครดิต ธนาคารที่ออกบัตรเครดิต วันหมดอายุ จะถูกจัดเก็บและถูกตรวจสอบผ่านทางระบบชำระเงินผ่านบุคคลที่สาม ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกจัดเก็บอยู่ถาวรในเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท และจะถูกลบทันทีหลังจากผ่านระบบการตรวจสอบโดยระบบชำระเงินของบุคคลที่สาม

 

สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

ลูกค้ามีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าโดยลูกค้าสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และประกาศที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ดังต่อไปนี้

 

สิทธิได้รับการแจ้งให้ทราบ (Right to be informed) โดยได้รับการแจ้งเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล วิธีการเก็บรวบรวม บุคคลที่จะได้รับข้อมูล เหตุผลและระยะเวลาที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

สิทธิในการเข้าถึง (Right of Access) โดยสามารถขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และตรวจสอบว่าบริษัทได้ประมวลผลข้อมูลตามกฎหมายหรือไม่

สิทธิขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคล (Right to data portability) บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และประมวลผลด้วยวิธีการอัตโนมัติ ลูกค้าสามารถขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลอื่นได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนไปยังบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้

สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Right to object) ลูกค้าสามารถคัดค้านในกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลของลูกค้า

สิทธิขอให้ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (Right to erasure Right to be forgotten) ลูกค้าสามารถขอให้ลบข้อมูล หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนลูกค้า

สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to restrict processing) ลูกค้าสามารถขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ลูกค้าขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล หรือเมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ หรือตรวจสอบ ตามคำขอใช้สิทธิในการคัดค้านของลูกค้า

สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล (Right of rectification) ลูกค้าสามารถขอแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบันได้ หากลูกค้าพบว่าข้อมูลของลูกค้าไม่ถูกต้อง สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน

 

การถอนความยินยอม

หากลูกค้าประสงค์จะถอนความยินยอมในการประมวลผลดังกล่าว สามารถติดต่อบริษัทและแจ้งความประสงค์ได้โดยทำเป็นหนังสือ การถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทก่อนหน้าแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้การถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อลูกค้าในการสินค้าและบริการของบริษัท เช่น ไม่ได้รับการแจ้งสิทธิประโยชน์ โปรโมชั่นหรือข้อเสนอใหม่ๆ หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น ดังนั้น เพื่อประโยชน์ของลูกค้าจึงควรศึกษาหรือสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม

 

หากลูกค้าถอนความยินยอมบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการหรือชี้แจงภายใน 30 วัน หรือไม่เกินตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทจะปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของลูกค้าในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

 

ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

ตามหลักการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็น บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมข้อมูลตามกฎหมาย ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจะถูกเก็บรวบรวมไว้ไม่เกิน 5 ปีนับจากวันที่ลูกค้าซื้อสินค้าหรือใช้บริการครั้งล่าสุด เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บทางบริษัทจะทำการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า

 

วิธีการที่บริษัทใช้ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

บริษัทจะดำเนินการให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมโดยบริษัทหรือในนามของบริษัทจะได้รับการจัดเก็บอย่างเหมาะสม โดยผ่านการเข้ารหัสข้อมูลและมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอต่อการคุ้มครองการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทอาจจะใช้คุ้กกี้ เว็บบีคอนส์ หรือเทคโนโลยีอื่นใดในการเก็บข้อมูลเพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกเพื่อการเข้าถึงการบริการได้ดีขึ้น เร็วขึ้น และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

 

ทั้งนี้บริษัทคำนึงถึงความไว้วางใจของลูกค้าในการให้เราปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมทุกประการ รวมทั้งการดูแลปกป้องด้านกายภาพ การบริหารจัดการ และทางด้านเทคนิค เพื่อช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวอย่างดีที่สุด โดยบริษัทขอแนะนำให้ลูกค้าอย่าเปิดเผยรหัสผ่านให้ใครทราบเพื่อป้องกันการเข้าถึงระบบโดยไม่พึงประสงค์และปกป้องข้อมูลส่วนตัว

 

การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจมีการพิจารณาทบทวนประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้ โดยหากมีการเปลี่ยนแปลง บริษัทจะแจ้งให้ทราบบนเว็บไซต์ของบริษัทฯ และตามช่องทางที่จะได้แจ้งให้ทราบตามความเหมาะสมต่อไป

 

วิธีการติดต่อบริษัท

ในกรณีที่ลูกค้าประสงค์จะใช้สิทธิ หรือถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทสามารถติดต่อได้ที่:

โทรศัพท์ : 02-678-5150

อีเมล : valorhealth@valorhealth.co.th

สถานที่ติดต่อ : 2/22 ตึกไอยราทาวเวอร์ชั้น 10 ถนนจันทน์  แขวงทุ่งวัดดอน  เขตสาทร  กรุงเทพฯ 10120

 

การร้องเรียน

หากลูกค้าเห็นว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ลูกค้ามีสิทธิที่จะร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล