โควิดยังไม่ซา ชีวิตก็ต้องเดินหน้า เพราะเราจะต้องไปทำงานซื้อของกินของใช้ เพื่อหาเลี้ยงชีวิตและครอบครัว แต่สถานการณ์โควิด19 วันนี้ไม่ได้ดีขึ้นเลย ยอดติดเชื้อยังสูงเป็นหมื่น การออกเดินทางจากบ้านจึงไม่ต่างกับออกศึกเพราะเชื้อโรคร้ายลอยอยู่ในอากาศและติดตัวทุกคนได้ จนเครียดและลุ้นกันทุกวันว่า…เราติดเชื้อหรือยัง?

มีหรือยัง? 5 เกราะสำคัญที่ห้ามขาด ป้องกันเชื้อร้ายในอากาศรอบตัว

               เพื่อเป็นการป้องกันขั้นสุด ก่อนออกจากบ้านแนะนำให้ทุกคนพกตัวช่วยสำคัญไว้ในยามเดินทางทุกครั้ง ในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด19  ป้องกันเชื้อร้ายในอากาศ ไม่ให้พลาดเข้าร่างกายได้ นั่นคือ

1) หน้ากาก 2 ชั้น อนามัย และหน้ากากผ้า

เพราะแค่หน้ากากอนามัยธรรมดา หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หรือแม้กระทั่งหน้ากาก N95 ก็ยังมีทั้งร่อง รู และช่องให้อากาศหรือเชื้อโรคเล็ดลอดเข้ามาได้ ฉะนั้นการใส่หน้ากากอนามัยแค่ชั้นเดียวจึงไม่เพียงพอต่อการป้องก็เชื้อโรค จึงต้องใส่หน้ากากผ้าอีกชั้นเพื่อปิดช่องว่างต่างๆ ให้หน้ากากอนามัยชั้นในสามารถปิดได้มิดชิดและกระชับใบหน้ามากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันหน้ากากที่ได้รับความนิยมมีหลายชนิด อาทิ (ที่มา : https://www.matichon.co.th/lifestyle/news_2140299)

1. หน้ากาก N95 เป็นหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับ มักใช้กับบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลที่มีโอกาสเสี่ยงพบผู้ป่วยมาก โดยประสิทธิภาพในการป้องกันของหน้ากากนี้จะสูงกว่าหน้ากากอนามัยแบบทั่วไป เพราะสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5, PM 10 และเชื้อโรคที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน และป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้สูง แต่อาจจะไม่เป็นที่นิยมสำหรับกลุ่มคนทั่วไปเพราะหายใจได้ไม่สะดวก และไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้

2. หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ เป็นหน้ากากที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย สามารถหาซื้อได้ทั่วไป เมื่อใส่แล้วหายใจสะดวก ช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคและแบคทีเรียจากการไอหรือจามได้ สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 และป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ค่อนข้างดี แต่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้

3.หน้ากาก Pitta หรือหน้ากากฟองน้ำ เป็นหน้ากากสำหรับกรองอากาศโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะฝุ่นควัน หรือมลภาวะต่างๆ ซักทำความสะอาดแล้วนำมาใส่ซ้ำได้ สามารถกันฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กและเกสรดอกไม้ได้ แต่ไม่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้

4.หน้ากากผ้า เป็นหน้ากากกันฝุ่นที่ใช้ซ้ำได้ ซักทำความสะอาดแล้วนำมาใส่ซ้ำได้ สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ แต่ป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เพียงเล็กน้อย

5.หน้ากากผ้าฝังนาโนซิงค์ออกไซด์พร้อมผ้าเคลือบเทฟลอน เพราะถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ผสานการใช้นาโนซิงค์ออกไซด์ฝังแน่นเข้าไปในเส้นใยเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย พร้อมด้านนอกเคลือบเทฟลอน เพื่อป้องกันการซึมซับของละอองฝอยจากการไอ จาม ไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่ด้านใน และสามารถป้องกันฝุ่นหรืออนุภาคขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM 0.1 สามารถซักและนำกลับมาใช้ได้

 2) เสริมการ์ดที่จมูก หยุดไวรัสด่านแรก!!!

Nasaleze นาซัลลีซ “สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง” ตัวช่วยดักจับไวรัสที่แพร่ในอากาศขณะเดินทาง ป้องกันหวัด และการติดเชื้อทางเดินหายใจ แค่พ่นสเปรย์ก่อนใส่หน้ากากอนามัย จะสร้างเกราะภายในจมูก ป้องกันเชื้อโรคไม่ให้เล็ดลอดเข้ามาได้ ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกบ้านหรือทำกิจกรรมใดๆก็ตาม

•  สเปรย์จะเปลี่ยนเป็นเจลช่วยดักจับและป้องกันเชื้อโรค และไวรัส ไม่ให้เข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูก 
•  ทำให้เชื้อโรค และไวรัสมีฤทธิ์อ่อนลง 
•  ออกฤทธิ์เร็วใน 2 นาที พ่น 1 ครั้งป้องกันได้ยาวนาน 6 ชั่วโมง พ่นเพียงวันละ 2-3 ครั้ง
• เปิดแล้วสามารถใช้ให้หมดได้ภายใน 6 เดือน พกพาง่าย ใช้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
• ผ่านการทดสอบทางคลินิก มาตรฐานจากประเทศอังกฤษ มั่นใจ ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง
• แบรนด์ออริจินัลจากประเทศอังกฤษ (Made in England) ทั่วโลกยอมรับ ด้วยยอดขาย 20 ล้านขวด มีจำหน่ายกว่า 50 ประเทศ
• ผลิตจากสารสกัดจากธรรมชาติ HPMC หรือผงเซลลูโลส ไม่มีส่วนผสมของยา เช่น garlic powder, peppermint powder
• อ่อนโยนใช้ได้ทั้งเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป ผู้ใหญ่ แม่ตั้งครรภ์ แม่ให้นมบุตร

วิธีใช้

เปิดฝา เขย่าขวด และบีบพ่นผงเข้าไปในรูจมูกทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1-2 ครั้ง แล้วสูดหายใจเข้า 

• ในระหว่างการเดินทางควรใช้สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง วันละ 2-3 ครั้ง
• เพื่อป้องกันไข้หวัด ให้บีบพ่นสเปรย์พ่นจมูกชนิดผง วันละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้ประสิทธิภาพการป้องกันไม่ให้ไวรัส เชื้อโรคที่แพร่กระจายในอากาศเข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูกคงอยู่ตลอด
• ในกรณีที่เป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ใช้สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง วันละ 3 ครั้ง จนกว่าไม่มีอาการ

หมายเหตุ : ควรเก็บสเปรย์พ่นจมูกชนิดผงในที่แห้ง และหลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา

3) สเปรย์และเจลแอลกอฮอล์

สเปรย์และเจลแองกอฮอล์เป็นของสำคัญที่ต้องพกติดตัวตลอดเวลา เพื่อฆ่าเชื้อโรคของใช้ที่ต้องสัมผัส และทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคที่มือ เพราะการหยิบจับสิ่งของและวัสดุในที่สาธารณะคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ร่างกายติดเชื้อ ฉะนั้นทั้งก่อนหยิบจับและหลังสัมผัสทุกสิ่งจึงต้องใช้แอลกอฮอล์ฉีดพ่นล้างมือทุกครั้ง  ยิ่งเวลาเดินทางต้องจับลิฟต์ ราวบันได ราวรถไฟฟ้าหรือรถสาธารณะต่างๆ ยิ่งทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคจากมือมาสัมผัสเสื้อผ้าร่างกายได้ง่าย ยิ่งต้องใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ

5 เคล็ดลับเลือกซื้อสเปรย์และเจลแอลกอฮอล์ให้มือปังสู้ไวรัส

(ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/935155)

1.มั่นใจกับเลขอย.

2.ปลอดภัยด้วยเอทิลแอลกอฮอล์

3.ฆ่าเชื้อเต็มประสิทธิภาพด้วยแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไป

4.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ถนอมมือ

5.กลิ่นหอมชวนใช้

4) ถุงมือใช้แล้วทิ้ง

ถุงมือ คือหนึ่งไอเทมสำคัญที่ต้องพกไว้เวลาซื้อข้าวของเครื่องใช้ ซื้ออาหาร เมื่อต้องไปตลาด ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือที่อื่นๆ เพราะการหยิบของต่างๆ ที่ผ่านมือคนมามากมายก็คือการรับเชื้อโรคเข้าไปเต็มๆ และของใช้ทุกชิ้นที่ขายอยู่คือแหล่งสะสมเชื้อโรคที่แพร่กระจายต่อๆ กันได้ไม่สิ้นสุด จึงแนะนำให้ทุกคนมีถุงมือสำหรับหยิบจับสิ่งของแบบใช้แล้วทิ้งไว้ในกระเป๋า เวลาซื้อจะได้หยิบด้วยถุงมือทีเดียวหลายชิ้น ไม่ต้องล้างมือทุกครั้งที่จับใช้แล้วก็ถอดทิ้งได้ทันที  จากนั้นก็ล้างมือด้วยสเปรย์หรือสบู่ก็สามารถจับกระเป๋าหรือสิ่งของตัวเองได้มั่นใจ ไม่นำเชื้อโรคจากของที่ซื้อไว้เข้ามาในร่างกายตัวเอง

ก่อนเลือกซื้อถุงมือใช้แล้วทิ้ง ต้องตรวจสอบทั้งตัวเองและคุณสมบัติของถุงมือให้แน่ชัดก่อน

1. ผู้ใช้สวมใส่ ไม่มีอาการแพ้ใดๆ
   หลายๆ คนอาจไม่รู้ตัวเอง ว่าเรามีอาการแพ้ถุงมือที่ผลิตจากยางธรรมชาติ หรือยางสังเคราะห์หรือเปล่า อย่างไรต้องลองสักเกตุอาการตัวเองก่อนซื้อนะครับ แต่ถ้ามั่นใจว่าเราไม่มีอาการแพ้ละก็ ก็สามารถเลือกซื้อถุงมือแพทย์ชนิดที่มีแป้ง และไม่มีแป้งได้ หรือจะใช้เป็นถุงมือที่ทำจากยางสังเคราะห์ (ถุงมือไนไตร) ก็ยังได้เล๊ยยยย
2. ผู้ใช้สวมใส่ มีอาการแพ้แป้ง
   หากเราสักเกตุตัวเองแล้วพบว่ามีอาการแพ้ หลังจากที่สวมใส่ถุงมือที่มีแป้ง เราควรเลือกซื้อถุงมือแพทย์ชนิดที่ไม่มีแป้งหรือ หรือซื้อถุงมือยางสังเคราะห์ (ถุงมือไนไตร) จะดีกว่าครับ
3. ผู้ใช้สวมใส่ มีอาการแพ้โปรตีนในถุงมือแพทย์
   ถ้าเรารู้ตัวว่าเรามีอาการแพ้ มีผื่นคันขึ้น จากการแพ้โปรตีนในถุงมือแพทย์แล้วล่ะก็ แนะนำให้ใช้เป็นถุงมือแพทย์ที่ผลิตจากยางสังเคราะห์ (ถุงมือไนไตร) จะดีที่สุดครับ
4. ใช้งานหนัก สัมผัสสารเคมี จำพวก กรด เบส น้ำมันต่างๆ
   ควรเลือกซื้อถุงมือแพทย์ที่ผลิตจากยางสังเคราะห์ (ถุงมือไนไตร) ดีกว่าครับ เพราะถุงมือชนิดนี้ จะมีความหนา และมีคุณสมบัติ ทนทาน ต่อการสัมผัสสารเคมีได้นั้นเอง
5. ต้องสัมผัสกับน้ำ กันรั่วดี
   ควรเลือกซื้อถุงมือแพทย์ที่ผลิตจากยางสังเคราะห์ (ถุงมือไนไตร) ชนิดหนา เพื่อความสบายใจ และกันรั่วได้ดังใจต้องการ
   ผ่านไปแล้วนะครับกับ 5 วิธีเลือกซื้อถุงมือแพทย์ ที่เราสามารถสังเกตง่ายๆ จากตัวเราเองได้เลย คงไม่ยากไปใช่ไหมครับ ผมเชื่อว่าการเลือกใช้ถุงมือยางควรเลือกให้เหมาะสมกับงานที่จะใช้ ต้องกระชับ ไม่ลื่นหลุดง่าย ไม่รั่ว ไม่ขาดง่าย สวมใส่แล้วทำงานได้คล่องแคล่ว รวมไปถึงสุขภาพ ต้องไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้แก่ผู้สวมใส่ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ท่านมีแนวทางในการเลือกซื้อถุงมือทางการแพทย์ที่เหมาะสมนะครับ ก่อนจากกันไปหากท่านต้องการ

5) ทิชชู่เปียก

อุ่นใจอีกขั้นหากเวลาเดินทางพกทิชชู่เปียกไว้เช็ดมือหรือเช็ดสิ่งของต่างๆ ยิ่งเดี๋ยวนี้มีทิชชู่เปียกที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ยิ่งเพิ่มความมั่นใจในการฆ่าเชื้อโรคได้(แต่ต้องระวังไม่ใช้กับใบหน้า ดวงตาหรืออวัยวะที่บอบบาง)  เพราะการฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์มีข้อมูลบอกว่าละอองฝอยที่ออกมาในแนวกระจาย อาจทำลายเชื้อได้ไม่ทั่วถึง แต่ถ้าฉีดแล้วเช็ดอีกครั้งก็จะฆ่าเชื้อโรคได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเช็ดของใช้ กระเป๋า เช็ดโถห้องน้ำก่อนเข้าหรือแม้แต่เช็ดตามร่างกายก็ง่ายดายสะดวก

วิธีเลือกซื้อทิชชู่เปียก

เลือกแบรนด์ที่วางใจได้ หรือแบรนด์ที่ได้รับรีวิวจากผู้ใช้งานว่าดีจริง อ่อนโยนจริง

มี อย. รองรับ เพราะหากไม่ได้รับการรองรับแล้วเกิดอาการแพ้สารเคมีในทิชชู่เปียกมา ตัวเราจะได้รับผลกระทบคนแรกเลยนะ

หากต้องการ ทิชชู่เปียกเช็ดหน้า หรือสำหรับใช้กับผิว ควรเลือกแบรนด์ที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง

พิจารณาส่วนผสมต่าง ๆ ว่าตรงตามความต้องการหรือไม่ เช่น ถ้านำไปใช้กับเด็กก็ไม่ควรเลือกแบบที่มีแอลกอฮอล์ แต่หากนำไปใช้เช็ดสิ่งของก็เลือกแบบที่มีแอลกอฮอล์ได้

บรรจุภัณฑ์มิดชิด ปิดสนิท เพื่อลดการปนเปื้นของฝุ่นหรือเชื้อโรค

ดูวันผลิตและหมดอายุ หลายคนอาจไม่รู้หรือลืมนึกว่า ทิชชู่เปียก ก็มีวันหมดอายุได้เช่นกัน