“ไรฝุ่น” คือสารก่อภูมิแพ้ที่พบได้มากที่สุด เป็นวายร้ายตัวจิ๋วที่ทำให้คนเป็นภูมิแพ้มีอาการกำเริบในทุกวัน ที่สำคัญเจ้าไรฝุ่นยังแอบหลบซ่อนซุกอยู่ในทุกๆ มุมบ้าน ทำให้อาการภูมิแพ้แย่ยิ่งขึ้น แบบนี้ต้องรีบป้องกันและกำจัดไรฝุ่นตัวร้ายให้ได้มากที่สุด ด้วย 5 กลยุทธ์เหล่านี้    

ไรฝุ่นตัวเล็กแต่ร้าย ทำลายสุขภาพ

            แม้ว่าโรคภูมิแพ้จะเป็นโรคที่ไม่รุนแรง แต่ก็เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ และทำให้สุขภาพรวมถึงคุณภาพชีวิตแย่ลง เพราะเป็นอุปสรรคในการทำงาน การใช้ชีวิต การพักผ่อน แถมยังบั่นบอนสุขภาพมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้อาการภูมิแพ้เรื้อรังจนถึงขั้นเป็นหอบหืดได้ ซึ่งสาเหตุของโรคภูมิแพ้ที่ทำให้คนส่วนใหญ่มีอาการ พบว่าเกิดจากไรฝุ่น(Dust Mites)

               ซึ่งผลกระทบจากเจ้าไรฝุ่นตัวเล็กๆ นี้นั้นมีมหาศาล ทั้งจากตัวไรฝุ่นเองหรือมูลที่ไรฝุ่นถ่ายออกมา โดยไรฝุ่นนั้นเป็นไรตัวเล็ก(หรือแมงชนิดหนึ่ง) ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพราะมีขนาดจิ๋วประมาณ 0.3 มม. เท่านั้น มี 8 ขา ปกติแล้วตัวไรฝุ่นจะไม่ได้อยู่บนผิวหนังของคนเราแต่จะเกาะอยู่ตามใยผ้า เพื่อคอยกินเศษผิวหนัง รังแคของเราเป็นอาหาร มักชอบอยู่ตามที่นอน พรม ผ้าม่าน ตุ๊กตาที่มีขน โซฟาที่เป็นผ้า ไรฝุ่นจะเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสและชอบความชื้น การที่ไรฝุ่นมักจะอยู่บนที่นอนเพราะมีความชื้นจากร่างกายของคนเรา และมีอาหารคือเศษผิวหนังและอื่นๆ อยู่มากมาย คาดว่าบนที่นอนจะมีไรฝุ่นอยู่มากถึงประมาณ 1 แสน -1 หมื่นล้านตัว  ส่วนสาเหตุที่คนเรามีอาการแพ้ไรฝุ่นนั้นเกิดจากทั้งตัวไรฝุ่นเอง รวมถึงมูลของไรฝุ่น(ที่มีโปรตีนที่เป็นสารก่อภูมแพ้) อันเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้มีอาการภูมิแพ้และโรคหอบหืดกำเริบจนควบคุมอาการได้ยากนั่นเอง

โดยอาการของภูมิแพ้ที่เกิดจากไรฝุ่นมีได้หลายแบบ ทั้ง อาการภูมิแพ้ขึ้นตา ทำให้คนที่แพ้มีอาการคันตา ระคายเคืองตา น้ำตาไหล ภูมิแพ้จมูกอักเสบหรือแพ้อากาศ คนที่แพ้จะมีอาการคันจมูก คัดแน่นจมูก จาม น้ำมูกไหล จะสังเกตได้ว่าจะเกิดอาการเมื่อเข้าบ้านหรือเข้าห้องนอน หรือเข้าไปในบริเวณที่มีฝุ่นหรือไรฝุ่นเยอะๆ ได้ โดยเฉพาะเวลาล้มตัวลงนอน นั่งเล่น กลิ้งหรือกระโดดบนที่นอน ก็จะทำให้ไรฝุ่นและมูลของไรฝุ่นฟุ้งกระจายออกมาในอากาศมาก จนทำให้เราสูดหายใจเข้าไปร่างกายได้ง่าย และมีอาการแพ้ตามมาได้ในที่สุด

5 กลยุทธ์สำคัญป้องกันไรฝุ่น

ดังนั้นเพื่อไม่ให้เจ้าไรฝุ่นร้ายมาก่อกวนทำลายสุขภาพร่างกายเราได้ จึงขอแนะนำเทคนิคสำคัญสำหรับป้องกันไรฝุ่นในคนที่เป็นภูมิแพ้ ไม่ให้มีอาการแพ้กำเริบหรือเรื้อรัง และป้องกันคนที่มีสุขภาพดีไม่ให้เผชิญกับสารก่อภูมิแพ้อย่างไรฝุ่นเป็นประจำจนป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ ด้วยวิธีการสำคัญ 5 อย่างที่ควรทำเป็นประจำเพื่อกำจัดและลดไรฝุ่น รวมถึงทำลายไข่ ซากหรือมูลของไรฝุ่นที่แอบซ่อนอยู่ในบ้าน นั่นคือ

1. หมั่นซักทำความสะอาด ตากแดด / เช็ด

ซัก คือการหมั่นซักทำความสะอาดเครื่องนอนทั้งผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าคลุมเตียง ผ้าห่ม ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ โดยควรซักเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิมากกว่า 55 องศาเซลเซียส ถ้าเครื่องซักผ้าไม่มีระบบน้ำอุ่นอาจใช้วิธีการแช่ผ้าในน้ำร้อน ประมาณ 15-30 นาที จึงค่อยนำไปตาก แต่ถ้าหากซักด้วยน้ำเย็น หลังจากซักเสร็จควรอบผ้าด้วยเครื่องอบร้อนอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาทีหรือมากกว่านั้นได้ยิ่งดี  ซึ่งการซักผ้าจะช่วยทำให้เชื้อโรคตาย ไรฝุ่นตายได้ ช่วยกำจัดไรตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ออกจากเส้นใยได้ และยังทำให้ไข่ของไรฝุ่นฝ่อได้เมื่อนำไปตากแดด

ตากแดด นอกจากการซักเครื่องนอนทั้งหมดแล้ว ควรนำเครื่องนอนไปตากแดด จะช่วยสามารถกำจัดไรฝุ่นและมูลได้บางส่วน เนื่องจากช่วยลดความชื้นได้ แต่ไม่สามารถทำลายไรฝุ่นและมูลได้ทั้งหมด ไรฝุ่นจะเดินหนีแดดไปแอบข้างที่ไม่ถูกแดดได้  แต่หากตากแดดนานประมาณ 5 ชั่วโมงขึ้นไป ก็จะยิ่งช่วยลดปริมาณและป้องกันไรฝุ่นได้มากขึ้น เพราะแสงแดดมีรังสีในการฆ่าเชื้อโรคและเชื้อราให้ตายได้  และความร้อนจากแสงแดดยังช่วยให้ไข่ของไรฝุ่นเจริญเติบโตต่อไม่ได้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอีกวิธีนึงที่ช่วยลดปริมาณของไรฝุ่นลงได้เป็นอย่างดี แต่นอกจากเครื่องนอนแล้วควรหมั่นซักทำความสะอาดเครื่องใช้ในบ้านอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอด้วย เช่น ผ้าขนหนูตุ๊กตาต่าง ๆ ของเด็กที่มีไรฝุ่นสะสมอยู่ได้ง่ายเช่นกัน รวมถึงหมั่นซักหรือดูดฝุ่นพรม ผ้าม่าน ผ้าปูโต๊ะบ่อยๆ ก็จะช่วยกำจัดไรฝุ่นที่สะสมให้ลดลงได้มากขึ้น 

เช็ด คือการหมั่นเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เป็นประจำ ด้วยการนำผ้าชุบน้ำเปียกแล้วบิดหมาดมาเช็ดทำความสะอาดตามซอกมุม เฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งของเครื่องใช้ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ กรอบรูป ดอกไม้ปลอม ชั้นวางของ ถือเป็นหนึ่งวิธีสำคัญที่มีส่วนช่วยกำจัดไรฝุ่นได้

3. ตี ตบ เคาะ ไล่ไรฝุ่น ด้วยหวายหรือไม้ที่จับถนัดมือ วิธีการคือในขณะที่นำผ้าปูที่นอน หรือเครื่องนอนไปตากแดด ควรจะนำไม้หรือหวายไปตีหรือเคาะที่หมอน และที่นอนระหว่างตากแดดด้วย เพราะการที่จะทำให้ไรฝุ่น และสิ่งปฏิกูล เช่น มูล ไรฝุ่นที่ตายแล้ว ตัวไรฝุ่น หรือไข่ ออกไปได้ ต้องหาเครื่องมือที่สามารถตีหรือทุบฝุ่นและสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในหมอนและที่นอนเราให้ออกมาเพื่อไม่ให้ซากเศษต่างๆ ยังคงอยู่ติดที่นอน เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ง่ายและได้ผลดี
4. ใช้อุปกรณ์เครื่องมือยุคใหม่ เป็นตัวช่วย เนื่องจากปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่คิดคนมาเพื่อการกำจัดเชื้อโรค สิ่งสกปรกออกมามากมาย รวมถึงมีอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ใช้สำหรับกำจัดและป้องกันไรฝุ่นได้ด้วย ได้แก่ “สเปรย์กำจัดไรฝุ่น” ที่ใช้ฉีดเพื่อกำจัดไรฝุ่น แต่อาจมีสารเคมีหรือกลิ่นที่เป็นอันตรายได้ จึงควรเลือกที่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยต่อคนในครอบครัว นอกจากนี้ยังมี “เครื่องดูด/กำจัดไรฝุ่น” ควรเลือกที่มีประสิทธิภาพผ่านการทดสอบว่าสามารถกำจัดไรฝุ่นได้ ซึ่งเครื่องกำจัดไรฝุ่นในปัจจุบันมีการพัฒนาขึ้นมาก จึงช่วยให้คุณประหยัดเวลาและเป็นวิธีช่วยกำจัดไรฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างหนึ่ง “เครื่องฟอกอากาศ” เลือกแบบที่สามารถช่วยกำจัดและลดซากหรือมูลของไรฝุ่นที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ได้  รวมถึง “ผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่น” ควรเลือกที่มีงานวิจัยรองรับจากสถาบันการแพทย์ ว่าสามารถป้องกันไรฝุ่นได้จริง เป็นผ้าพรีเมียมไมโครไฟเบอร์ที่มีผ้าทอแน่นพิเศษ มีรูเล็กกว่ามูลไรฝุ่น ลดการฟุ้งกระจายลอยสู่อากาศ ลดการต้องสูดหายใจไรฝุ่นหรือเศษมูลไรฝุ่นเข้าไปในร่างกายได้
5. จัดห้อง รื้อและกำจัด ย้ายของที่ไม่ได้ใช้ หมายถึงการเคลียร์และเก็บของที่ไม่จำเป็นทิ้ง ย้ายที่หรือเก็บเข้าตู้มิดชิด โดยเฉพาะของที่อาจสะสมไรฝุ่น หรือเชื้อรา เช่น ตุ๊กตา ผ้าที่ไม่ได้ใช้ หรือไม่จำเป็น จัดเก็บของใช้ที่วางไว้ใกล้ที่นอน  ย้ายสิ่งของให้ห้องโปร่งโล่งทำความสะอาดง่าย เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกสะสมหรือมีฝุ่นซุกอยู่ตามมุม ตามเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ จนอาจทำให้มีไรฝุ่นสะสมอยู่มากจนมีอาการแพ้กำเริบ

5. ใช้นวัตกรรมใหม่ สเปรย์พ่นจมูกช่วยได้ อีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ที่ปลอดภัยจากธรรมชาติ และใช้ป้องกันไรฝุ่นเข้าสู่ร่างกายได้ทุกเพศทุกวัย คือ การใช้สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง นาซัลลีซ อัลเลอจี บลอคเกอร์ ( Nasaleze Allergy Blocker) ที่สามารถดักจับและป้องกันไม่ให้สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ โดยเฉพาะไรฝุ่นเข้าสู่เยื่อบุจมูก ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการภูมิแพ้ได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่สำคัญดังนี้

• มีส่วนประกอบของสารสกัดธรรมชาติ 100% ผงเซลลูโลส (HPMC) 97% และผงสตรอว์เบอร์รี่ 3% มีประสิทธิภาพป้องกันสารก่อภูมิแพ้ในอากาศไม่ให้เข้าสู่เยื่อบุจมูก จนเกิดอาการแพ้กำเริบได้
• เปลี่ยนผงสเปรย์เป็นเจลใสในจมูก เพื่อดักจับและป้องกันไม่ให้สารก่อภูมิแพ้ในอากาศเข้าสู่เยื่อบุจมูก  
• มีกลไกช่วยลดการแตกตัวของแกรนูลในแมสเซลล์ ลดการหลั่งฮีสตามีน จึงสามารถป้องกันการเกิดอาการภูมิแพ้หรือแพ้อากาศได้
• ผ่านการทดสอบทางคลินิกมากกว่า 35 การศึกษา ในผู้ป่วยมากกว่า 1,000 คน ได้รับรางวัลต่างๆ และได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการทางการแพทย์ชั้นนำหลายฉบับ  
• ผลิตในประเทศอังกฤษ มาตรฐานระดับสากลจากสมาคมโรคภูมิแพ้แห่งสหรัฐอเมริกา (American Academy of Allergy Asthma & Immunology) ได้ระบุว่าเป็นตัวป้องกันสารก่อภูมิแพ้ (Allergen blocker) ได้
• ออกฤทธิ์เร็วใน 2 นาที พ่น 1 ครั้ง ป้องกันสารก่อภูมิแพ้ได้นาน 6 ชั่วโมง  พ่นวันละ 2-3 ครั้ง หรือทุก 6-8 ชั่วโมง จะช่วยป้องกันสารก่อภูมิแพ้ได้ตลอดทั้งวัน
• อ่อนโยนปลอดภัย ไม่มีส่วนผสมของยา ไม่มีผลข้างเคียง ไม่มีทำให้ง่วงนอน ใช้ได้ในเด็กวัย 18 เดือนขึ้นไป ผู้สูงอายุ  คุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร
• ผ่านการตรวจสอบและมีเอกสารรับรอง ได้รับใบอนุญาตโฆษณาเครื่องมือแพทย์จาก อย. เลขที่ ฆพ.673/2564
• มีใบอนุญาตนำเข้าเครื่องมือแพทย์ เลขที่ GBR6304847