ฤดูกาลไฮซีซั่นหน้าหนาว เป็นเวลาแห่งการท่องเที่ยวที่มาพร้อมกับวันหยุดยาว เทศกาลเฉลิมฉลอง บวกกับอากาศเย็นๆ ที่เป็นใจ แต่!จะเที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัย เพราะโควิดร้ายยังอยู่และยังมีสายพันธุ์ใหม่อย่างโอไมครอน (Omicron) ให้ระทึกใจ แถมยังมีโรคอันตรายที่มาในหน้าหนาวอีกมากมาย ฉะนั้นขอเพียงอย่าชะล่าใจ จะเที่ยวแบบไหนก็ต้องดูแลตัวเองให้ห่างไกลโรค
ไวรัสแพร่ง่าย …ก่อโรคภัยในฤดูหนาว
อากาศดีๆ ในช่วงหน้าหนาว ไม่ได้มีแค่ความเย็นสบาย แต่ยังมีสิ่งที่เราไม่ได้ต้องการแถมยังแฝงอันตรายที่มองไม่เห็นได้รอบตัว เพราะอากาศที่เย็นจะเหมาะสมและเอื้อต่อการมีชีวิตอยู่ของเชื้อโรคต่างๆ โดยเฉพาะช่วยให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ข้อมูลเพื่อเผยแพร่เป็นความรู้แก่ประชาชน ให้ระวังโรคอันตรายในฤดูหนาวไว้ นั่นคือ
- ไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน ที่เกิดจากไวรัสที่แพร่ระบาดง่ายในฤดูหนาว
ซึ่งในแต่ละปีพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ทั่วโลกสูงถึง 10-15% ของประชากรทั้งหมด โรคนี้เป็นแล้วก็เป็นอีกได้เพราะสามารถติดเชื้อได้หลายสายพันธุ์ ซึ่งหากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากโรคนี้ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนได้ทั้งปอดอักเสบ กล้ามเนื้อและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ภาวะกล้ามเนื้ออักเสบหรือกล้ามเนื้อโดนทำลาย รวมถึงภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท อาการแสดงของโรคไข้หวัดใหญ่คือมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ร่วมกับอาการติดเชื้อทางเดินหายใจ เจ็บคอ มีน้ำมูก ไอ
โดยปัจจุบันแนะนำให้ทุกคนได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี โดยเฉพาะ เด็กเล็ก ผู้สูงวัย และผู้ที่มีโรคประตัว เพราะเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรงจนถึงชีวิต
- ไข้หวัด (Common cold)
ไข้หวัดธรรมดาจะมีอาการคล้ายๆ ไข้หวัด แต่จะแตกต่างตรงที่ไข้หวัดธรรมดามักมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอจาม คันคอ เป็นอาการเด่น ไม่ค่อยมีอาการไข้ และปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งแม้ไข้หวัดธรรมดาจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้น้อย แต่ก็ทำให้ร่างกายเจ็บป่วยไม่สบาย ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและยังนำไปติดกับคนในครอบครัวได้ง่าย และกรณีที่กลุ่มบอบบางเช่น เด็กเล็กหรือผู้สูงวัยป่วย ก็อาจทำให้ลุกลามเป็นอันตรายมากขึ้นได้
- โรคปอดบวม (Pneumonia)
หมายถึงภาวะปอดมีการอักเสบ ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสได้ รวมถึงอาจเกิดจากเชื้อรา และพยาธิ เมื่อเป็นปอดบวม จะทำให้ร่างกายมีปัญหาขาดออกซิเจน หายใจเองไม่ได้อันตรายถึงชีวิต เนื่องจาก ปอดเป็นอวัยวะที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจซึ่งแหล่งที่ปราศจากเชื้อโรค หากป่วยเป็นปอดบวมเมื่อไร แสดงว่าเราอาจสูดหายใจเอาไวรัสผ่านเข้าไปจนถึงเนื้อปอดจนเกิดการอักเสบได้
- โรคหัด (Measles)
เป็นโรคติดต่อเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่พบได้ในจมูกและลำคอของคนป่วย มีอาการคล้ายกับอาการของหวัดธรรมดา คือ มีไข้ก่อนน้ำมูกไหล มักจะไอแห้งๆ ตลอดเวลา และมีผิ่นที่ผิวหนัง โรคนี้ส่วนใหญ่พบมากในเด็กวัยก่อนเรียนและวัยเรียน ตั้งแต่อายุ 2 ถึง 12 ขวบ มักไม่พบในเด็กเล็กกว่า 8 เดือน เพราะมีภูมิคุ้มกันจากแม่ แต่โรคนี้สามารถติดต่อกันได้ง่ายมาก จากการไอ จามรดกัน หรือหายใจเอาละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ของคนป่วยที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าไป ที่สำคัญคือโรคหัดมักระบาดในช่วงฤดูหนาว และปลายฤดูหนาวต่อกับฤดูร้อน
- โรคหัดเยอรมัน (Rubella)
เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งอีกเช่นกัน ทำให้มีอาการคล้ายโรคหัด และมีผื่น เชื้อดรคแพร่ได้ง่ายจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย ติดต่อโดยการ ไอ จาม หรือ หายใจรดกัน ลักษณะเด่นที่สำคัญของโรคนี้ คือ ผื่นจะเป็นเม็ดละเอียดสีแดง มองเห็นเป็นปื้นๆ หรือจุดๆ กระจัดกระจาย เริ่มต้นขึ้นที่ใบหน้าก่อน จากนั้นจะลุกลามแผ่กระจายลงมาตามหน้าอก ลำตัว แขนขา ซึ่งแม้โรคนี้เป็นได้ทั้
งกับเด็กหรือผู้ใหญ่ทั่วไปและสามารถหายได้เอง แต่ถือเป็นโรคสุดอันตรายของคุณแม่ตั้งครรภ์และลูกน้อยในท้อง เพราะหากคุณแม่ติดเชื้อหัดเยอรมัน จะทำให้เกิดความพิการรุนแรงต่อลูกทั้งตาบอด หูหนวก หัวใจหรือสมองมีความพิการได้ ฉะนั้นการได้รับวัคซีนอย่างเหมาะสมก่อนตั้งครรภ์จะช่วยป้องกันความรุนแรงของโรคได้
- โรคไข้สุกใส (Chickenpox/Varicella)
โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดงูสวัด สามารถติดต่อโดยการสัมผัสถูกตุ่มน้ำโดยตรงหรือสัมผัสถูกของใช้ เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม ที่นอน ที่เปื้อนตุ่มน้ำของคนที่เป็นสุกใสหรืองูสวัด หรือสูดหายใจเอาละอองของตุ่มน้ำ ผ่านเข้าทางเยื่อเมือก อาการของโรคเริ่มจากมีไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามจากนั้นจะมีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย โรคสุกใสเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็กวัยเรียน แต่ในผู้ใหญ่ก็อาจพบได้บ้าง และมักมีอาการและภาวะแทรกซ้อนมากกว่าที่พบในเด็ก โรคนี้มักพบการระบาดในตอนปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน ซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนฉีดป้องกันโรคสุกใสใช้แล้ว แต่ยังมีราคาสูงและคนยังไม่รู้จักแพร่หลายนัก
- โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน (Acute Gastroenteritis)
โรคนี้เป็นโรคที่องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญและยืนยันถึงภัยอันตราย เนื่องจากอัตราการเสียชีวิตของเด็กยังมีอัตราที่สูง เพราะทำให้เด็กทั่วโลกเสียชีวิตถึงปีละสามหมื่นถึงห้าหมื่นคน เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน คือโรตาไวรัส (Rota virus) ที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง มีไข้ และอาเจียน จนร่างกายเสียน้ำมาก อาจช็อคและเสียชีวิต โดยไวรัสชนิดนี้ระบาดมากที่สุดคือช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปี แม้ปัจจุบันจะมีวัคซีนที่ป้องกันเชื้อได้ แต่ทุกคนก็ยังคงต้องระวังเชื้อโรคนี้เพราะไม่ว่าจะป่วยเมื่อไรก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ทั้งนั้น เนื่องจากการรักษาทำได้ด้วยการให้ยาแก้ตามอาการที่มี และป้องกันการสูญเสียน้ำในร่างกาย
หน้าหนาวนี้ ก็ยังมีโควิดร้าย
นอกจาก 7 โรคอันตรายที่ต้องระวังไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือเดินทางไปไหนแล้ว ยังมีโควิด19 ที่ยังคงแพร่ระบาดและทำให้ติดเชื้อและเสียชีวิตกันได้มากอยู่ทุกวัน ที่สำคัญคือแม้จะฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังติดเชื้อซ้ำได้ แม้จะรักษาหาย อาการไม่มาก แต่ก็อาจเกิดผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว หรือมีอาการ Long Covid ที่ทำให้ร่างกายเจ็บป่วยง่ายไม่เหมือนเดิม
เที่ยวอย่างไรให้ไร้โรคติดเชื้อ
เมื่อโรคระบาดไม่ได้หายไปไหน ทุกคนยังเสี่ยงติดเชื้อได้ทุกวัน เพราะไวรัสที่ลอยอากาศนั้นเรามองไม่เห็น แถมช่วงหน้าหนาวยังนำพาเชื้อโรคอื่นๆ มาอีก เราจะเที่ยวกันอย่างไรให้ปลอดภัยจากเชื้อโรค มาดูคำแนะนำดีๆ เพื่อให้หน้าหนาวนี้เที่ยวได้อย่างปลอดภัย ด้วยการปกป้องสุขภาพร่างกายให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคร้าย และอันตรายอื่นๆ ด้วยอุปกรณ์สิ่งของจำเป็น ที่ควรเตรียมพร้อมไว้ในเวลาท่องเที่ยวในช่วงหน้าหนาวเพื่อความปลอดภัย ให้ทุกคนป้องกันตัวเองได้อย่างสูงสุด
- ศึกษาสภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม เส้นทางและสถานที่ ก่อนเดินทางท่องเที่ยว ควรวางแผน หาข้อมูลการท่องเที่ยว สิ่งสำคัญที่ต้องระมัดระวังและใส่ใจในแต่ละสถานที่นั้นๆ เพื่อจะได้เตรียมทุกอย่างให้พร้อมเหมาะสม เช่น ในช่วงที่จะไปมีสภาพอากาศเป็นอย่างไร มีฝนตกหรือไม่ อากาศหนาวแค่ไหน สภาพแวดล้อมมีความชื้น แห้ง ถนนหนทาง หรือทางเดินเป็นอย่างไร ระยะทางเท่าไร มีที่พักแบบไหนบ้าง มีไฟฟ้าเข้าถึงหรือไม่ เมื่อรู้และมีข้อมูลครบถ้วนแล้ว เราจะได้เตรียมเสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์สิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ได้ครบถ้วนเหมาะสม
- เตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์ของใช้ให้เหมาะกับสภาพอากาศ ไม่ว่าจะไปเที่ยวขึ้นดอย อยู่บนภูเขา กางเต็นท์นอน นอนรีสอร์ท โรงแรมหรือบ้านพัก แม้กระทั่งจะไปทะเล ก็ต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะกับสภาพอากาศเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยจากอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น เตรียมเสื้อแขนยาวขายาว เนื้อผ้าหนาและอุ่นไปเที่ยวบนดอย ภูเขา หรือจังหวัดที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น พร้อมถุงมือ ถุงเท้า หมวก ผ้าพันคอ ตลอดจนอุปกรณ์ให้ความอบอุ่นอื่นๆ เช่น เตาผิง ถุงนอน ผ้าห่มเป็นต้น เพื่อจะได้ช่วยเพิ่มความอุ่น มีอุปกรณ์ต่างๆ เพียงพอใช้งานโดยที่ไม่ต้องไปหาข้างหน้าให้ยุ่งยาก
- จัดเตรียมยา อุปกรณ์ปฐมพยาบาล ของใช้เพื่อสุขภาพให้ครบ ตั้งแต่ ยาประจำตัว ยาสามัญประจำบ้าน ชุดอุปกรณ์ปฐมพยาบาล นอกจากนี้ต้องมีหน้ากากอนามัย รวมถึงเตรียมหน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 ติดไว้ เผื่อต้องไปลุยสถานที่มีฝุ่น โดยควรมีหน้ากากอนามัยชนิดใช้แล้วทิ้ง รวมถึงหน้ากากผ้าเตรียมไปให้พอดีกับการเดินทาง และมีถุงเก็บสำหรับขยะติดเชื้อ ตลอดจนยาประจำตัว และยาสามัญประจำบ้าน และที่ขาดไม่ได้ในช่วงที่เสี่ยงต่อภัยโรคติดเชื้อจากไวรัส ทั้งโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ และโควิด คือการมีอุปกรณ์สร้างเกราะที่จมูก เพื่อดักจับไวรัสในอากาศไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย นั่นคือ “สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง” นวัตกรรมใหม่ที่นิยมใช้ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง ป้องกันเชื้อโรคและไวรัสในอากาศ
- ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ100% โดยเป็นผงเซลลูโลสจากเปลือกสนอังกฤษ ซึ่งจากการวิจัยเมื่อ
ทดสอบกับโคโรน่าไวรัส จะป้องกันการติดเชื้อไวรัสนี้โดยการลดฤทธิ์ของไวรัสได้*
- มีคุณสมบัติเปลี่ยนผงเป็นเจลในจมูก ช่วยดักจับและป้องกันไวรัสเข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูก
- ทำให้เชื้อโรคและไวรัสมีฤทธิ์อ่อนลง ลดความเสี่ยงติดเชื้อรุนแรง พร้อมผลการศึกษายืนยัน
ประสิทธิภาพในการป้องกันไข้หวัด ช่วยลดระยะเวลารักษา ลดความรุนแรงทั้งไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ได้
- ผ่านการทดสอบทางคลินิก ไม่มีส่วนผสมของยา ไม่มีผลข้างเคียง อ่อนโยนปลอดภัยต่อเด็กวัย 3
ปีขึ้นไป คุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ให้นมบุตร และผู้สูงอายุ
- มีการศึกษาพบว่า สามารถต้านไวรัสไข้หวัดนก ช่วยป้องกันการติดเชื้อ และป้องกันฝุ่น PM5
ได้ ถึง 94%
- จำหน่ายไปแล้วกว่า 20 ล้านขวด ใน 50 ประเทศทั่วโลก มีอย. ใน 40 ประเทศ
- เป็นตัวเดียวในประเทศไทย ที่ราคาจับต้องได้ ใช้งานได้จริง มีเลขที่ใบอนุญาตโฆษณา และมี
เอกสารรับรองการจดทะเบียน
- พ่นเพียง 1 ครั้ง ออกฤทธิ์เร็วภายใน 2 นาที นาน 6 ชั่วโมง พ่นวันละ 2-3 ป้องกันไวรัสได้ทั้งวัน
- ใช้ได้ทุกเวลายามเดินทาง ควรใช้สเปรย์พ่นจมูกก่อนออกจากบ้าน ต้องเดินทาง หรือเมื่อต้อง
ออกไปอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนหนาแน่น หรือที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากไวรัส และแบคทีเรีย
- หนึ่งขวดสามารถสเปรย์ได้ถึง 200 ครั้งหรือใช้ได้ประมาณ 30-50 วัน
- เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินยามจำเป็นในการเดินทาง อาทิเช่น ถังดับเพลิงเล็กในรถ เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน อุปกรณ์ลากรถ อุปกรณ์ชาร์ตแบตเตอรี่ ที่ชาร์ตโทรศัพท์มือถือ หรือพาวเวอร์แบงก์พกพา ไฟฉายฉุกเฉิน เครื่องมือช่างแบบพกพา ซึ่งการเตรียมทุกอย่างให้พร้อมไว้ล่วงหน้า จะช่วยให้มีของใช้ในยามฉุกละหุก หรือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะสามารถนำมาใช้เพื่อความปลอดภัยได้รวดเร็ว เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในยามเดินทางท่องเที่ยวบ้าง
- สำรองอาหารให้พอกับการเดินทาง แม้ว่าในยุคนี้จะมีร้านสะดวกซื้อมากมาย แต่ในหลายพื้นที่ท่องเที่ยวห่างไกลก็ไม่มีให้บริการ ฉะนั้นจึงควรสำรองอาหาร อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป น้ำดื่มให้เพียงพอ หรือจะเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำอาหารง่ายๆ ได้ระหว่างทางก็ยิ่งดี เผื่อเกิดกรณีไม่คาดคิดหรือมีปัญหาระหว่างเดินทางจะได้มีอาหารอยู่เสมอ
- เช็กสภาพรถ และประเมินสุขภาพของคนในครอบครัว ก่อนเดินทางต้องเช็กสภาพรถ ยาง น้ำมัน และสิ่งต่างๆ ให้พร้อมต่อการเดินทาง ที่สำคัญอย่าลืมประเมินหรือสังเกตสุขภาพของคนในครอบครัว หรือผู้ร่วมเดินทางว่ามีอาการเจ็บป่วย ไม่สบายอะไรหรือไม่ แข็งแรงเหมาะสมพอที่จะเดินทางท่องเที่ยวหรือเปล่า เพื่อจะได้เดินทางอย่างมีความสุข ไม่มีอาการเจ็บป่วยระหว่างเดินทางจนทำให้ทริปท่องเที่ยวต้องสะดุด หรือไปหยุดที่การพบหมอ
#ติดเชื้อทางเดินหายใจ #หวัด #ไข้หวัดใหญ่
#หวัดป้องกันได้ #เชื้อโรคลอยในอากาศ
#นาซัลลีซ #สเปรย์พ่นจมูก #ไม่ใช่ยา #ดักจับเชื้อโรค
#นาซัลลีซทราเวล #ExtraProtection #Germblocker #Invisible_mask #ป้องกันดีกว่ารักษา
Line : @nasaleze (มี@ ด้านหน้าด้วยนะคะ) หรือ คลิก https://lin.ee/Iy3ufdh