อย่าคิดว่าโอมิครอนที่ระบาดทั่วโลกแค่หวัดธรรมดา! เพราะตัวเลขเสียชีวิตสูงกว่าเดลต้าแล้ว ยิ่งตอนนี้มีข่าวไข้หวัดนกที่มีคนติดเชื้อและเสียชีวิตในต่างประเทศ จนต้องฆ่าสัตว์ปีกกันไปกว่าแสนตัว อย่างนี้เราคงจะการ์ดตกไม่ได้ ต้องเพิ่มตัวช่วยให้มากกว่าแค่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไวรัสร้ายกันแบบขั้นสูงสุด

               มีอาจารย์พิเศษนักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ซึ่งติดตามสถานการณ์และตัวเลขของโรคติดเชื้อโควิด19 ทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง ออกมาเผยข้อมูลเตือนและยืนยันว่าการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนมีอัตราการเสียชีวิตที่มากกว่าที่เคยคาดคิดกันไว้ โดยข้อมูลเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมาพบว่าอัตราการตายจากโอมิครอนทุบสถิติไปแล้วหลายประเทศ และยังแซงหน้าสายพันธุ์เดลต้าอีกด้วย ซึ่งมีข้อมูลตัวเลขบอกไว้ว่า 

     – ประเทศแอฟริกาใต้: ในช่วงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เสียชีวิตไปมากถึง 221 คน ทำให้อัตราการตายจากโอมิครอนพุ่งไปอยู่ที่ 0.78%

     – ประเทศสหรัฐอเมริกา : ยอดเสียชีวิตจากโอมิครอนต่อวันสูงสุด 3,497 คน แซงหน้า Delta ที่ 2,710 คน

     – ประเทศญี่ปุ่น: เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ เสียชีวิตไป 92 คน ถือว่าไม่น้อย และคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน

     – ประเทศอิสราเอล: เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ทำสถิติเสียชีวิตไป 121 คน สูงเกือบ 4 เท่าของค่าสูงสุดช่วง Delta ที่ 34 คน

นอกจากนี้ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ยังออกมาเผยข้อมูลสถานการณ์จำนวนติดเชื้อใหม่จากโอมิครอนในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า ทวีปยุโรปมียอดติดเชื้อสูงสุด ตามมาด้วยเอเชีย อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ตามลำดับ แต่ทวีปอเมริกาเหนือมีอัตราส่วนระหว่างการเสียชีวิตกับการติดเชื้อใหม่สูงสุด โดยมากกว่าทวีปยุโรปและทวีปเอเชียถึง 3 เท่า ที่สำคัญ ณ ตอนนี้ได้มีการพบเชื้อโอมิครอน สายพันธุ์ BA.2 ที่ได้มีการ

กระจายไปในหลากหลายเมือง และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในยุโรปแล้ว สอดคล้องกับข้อมูลจากประเทศอื่นๆ ที่ชี้ตรงกันว่าเชื้อโอมิครอน BA.2 น่าจะสามารถแพร่กระจายได้เร็วกว่าเชื้อโอมิครอนดั้งเดิมอย่าง BA.1

ฉะนั้นหากจะบอกว่าโอไมครอนไม่น่ากลัวไม่ได้อีกต่อไป ทุกคนจึงต้องตระหนักและระมัดระวังตัวเองจากการติดเชื้อของโควิดอย่างเคร่งครัดตลอดเวลา

ไข้หวัดนกสุดร้ายมาซ้ำ ยิ่งย้ำให้ป้องกันตัวเอง

               ณ ตอนนี้ไม่ใช่แค่โควิดที่เราต้องระมัดระวังทุกฝึเก้า เพราะเมื่อเร็วๆ นี้มีข่าวไข้หวัดนกในประเทศจีนที่ทำคนตายกันแล้ว ล่าสุดกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ออกมาเตือนโดยเปิดเผยจากรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่พบการระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิด H5N6 ในมณฑลเสฉวน เจ้อเจียง และเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ในประเทศจีน โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลมีอาการสาหัสและมีเสียชีวิตแล้วด้วย  นอกจากนี้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาทางฝั่งประเทศในยุโรปก็ยังพบคนติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 แล้ว โดยเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับนกที่ติดเชื้อและสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ติดเชื้อที่เขาเลี้ยงเอาไว้และอยู่รอบบ้านของเขาเป็นประจำ โดยทำให้ต้องสังหารสัตว์ปีกที่คนติดเชื้อนั้นครอบครองไว้ทั้งหมด  ถูกสังหารทั้งหมด 

ดังนั้นหน่วยงานในประเทศไทยจึงสั่งทุกฝ่ายให้เข้มงวด และเตรียมพร้อมเนื่องจากมีความหวั่นเกรงว่าเชื้อไวรัสอันตรายนี้จะเข้าไทยหลังจากที่เราสามารถคุมได้ถึง 12 ปี  โดยได้สั่งการเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เข้าตรวจเยี่ยมเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังโรคสัตว์ตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด สุ่มเก็บตัวอย่างสัตว์ปีกในพื้นที่เสี่ยง เช่น พื้นที่ตามแนวชายแดน พื้นที่นกอพยพ พื้นที่นกวางไข่ พื้นที่มีการเลี้ยงสัตว์ปีกหนาแน่น รวมถึงการเข้มงวดการเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ปีกภายในประเทศ ชะลอการนำเข้าสัตว์และซากสัตว์ปีกจากประเทศที่เกิดโรคไข้หวัดนกอีกด้วย

สาเหตุที่ WHO และหน่วยงานในเมืองไทยต้องออกมาเตือนและไม่ให้ประมาทกับโรคไข้หวัดนก เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคอันตรายที่ทำให้คนเสียชีวิตได้เร็วและสูงมากกว่าโควิด โดยเฉพาะไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 เป็นเชื้อที่มีความรุนแรงที่สุด และมีความเป็นไปได้ที่เชื้อไข้หวัดนกอาจกลายพันธุ์จนเกิดการระบาดใหญ่ในคนหากไม่มีการเฝ้าระวัง และควบคุมให้ดี แต่เชื้อไวรัส H5N1 ที่ระบาดในปัจจุบันยังไม่ได้กลายพันธุ์ไปจนกระทั่งติดคนได้ง่ายๆ เนื่องจากเชื้อยังมีความชอบเซลล์ของสัตว์ปีกมากกว่าเซลล์ของคน ดังนั้นการที่คนติดเชื้อไข้หวัดนก ส่วนใหญ่จะเกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับเชื้อไข้หวัดนกในปริมาณ ๆ มาก เช่น เชื้อที่อยู่ในมูลไก่ ในน้ำมูกไก่ป่วย เป็นต้น  ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องควบคุมการระบาดของโรคไข้หวัดนกในสัตว์ให้ได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้สูง ของการที่ไวรัสอาจจะกลายพันธุ์จนเกิดการระบาดใหญ่ในคนได้ทั่วโลก อธิบายให้เข้าใจง่ายคือ คนที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่อยู่แล้ว หากไปรับเชื้อไข้หวัดนกซ้ำเข้าไปอีก อาจเกิดการติดเชื้อในเซลล์เดียวกันในร่างกายของคน และมีโอกาสที่จะเกิดการแลกเปลี่ยนชิ้นยีนจนได้ไวรัสลูกผสม ซึ่งสามารถติดเชื้อเพิ่มจำนวนได้ดีในเซลล์ของคนและหากแพร่เชื้อจากคนไปยังคนได้โดยง่ายแล้ว ก็จะเกิดการระบาดใหญ่ขึ้น ดังนั้นการทำลายไก่ จึงเป็นการลดวงจรการแพร่เชื้อจากสัตว์ และการที่คนฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่ ก็เป็นการลดโอกาสของการติดเชื้อไวรัสสองชนิดพร้อมกันได้

รีบป้องกันลมหายใจให้ห่างไกลไวรัส 

ไม่ว่าจะไวรัสไหนก็อันตรายทั้งสิ้น จึงขอย้ำเตือนให้ทุกคนอย่าประมาทกับโรคระบาดและเชื้อไวรัสร้ายที่มองไม่เห็น และพร้อมรับมือ หมั่นฟังข่าวสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้หากเราสามารถสร้างเกราะป้องกันไวรัสไว้ก่อนได้จะยิ่งดี ซึ่งหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่ขอแนะนำเพื่อป้องกันไวรัสที่แพร่กระจายในอากาศ คือ สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง นาซัลลีซ ทราเวล ( Nasaleze Travel) นวัตกรรมจากธรรมชาติ ที่นิยมใช้แล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่ผ่านการรับรองมาตรฐานในระดับสากล

• ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100%  ประกอบด้วยผงเซลลูโลส(HPMC) 93% จากเปลือกสนอังกฤษ  ผงกระเทียมป่ายุโรป 5% และผงเปปเปอร์มิ้น 2%
• เปลี่ยนผงสเปรย์ให้เป็นเจลใสในจมูก เพื่อช่วยดักจับและป้องกันเชื้อโรค ไวรัส ที่แพร่กระจายในอากาศไม่ให้เข้าสู่เยื่อบุจมูก
• ทำให้เชื้อโรค ไวรัส มีฤทธิ์อ่อนลง ช่วยลดอาการรุนแรงของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่  และลดระยะเวลาในการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจได้
• ผลิตในประเทศอังกฤษ ผ่านการทดสอบทางคลินิก  ยืนยันประสิทธิภาพใช้งานได้จริง
• ปลอดภัย ไม่มีส่วนผสมของยา ไม่มีผลข้างเคียง ใช้ได้ในเด็กวัย 3 ปีขึ้นไป คุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ให้นมบุตร และผู้สูงอายุ
• ออกฤทธิ์เร็วภายใน 2 นาที พ่นเพียง 1 ครั้ง สามารถป้องกันได้นาน 6 ชั่วโมง พ่นเพียงวันละ 2-3 ช่วยป้องกันเชื้อโรค หรือไวรัสได้ทั้งวัน
• ผ่านการรับรอง ได้รับใบอนุญาตโฆษณาเครื่องมือแพทย์จาก อย. เลขที่ ฆพ.1059/2564
• มีใบอนุญาตนำเข้าเครื่องมือแพทย์ เลขที่ GBR6304847
• ใช้แล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก มีอย. ใน 40 ประเทศ จำหน่ายแล้วกว่า 20 ล้านขวด  
• ควรใช้สเปรย์พ่นจมูกก่อนออกจากบ้าน เมื่อเดินทาง ต้องออกไปอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนหนาแน่น หรือที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากไวรัส และแบคทีเรีย
• ในกรณีมีอาการไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ สามารถใช้นาซัลลีซ เพื่อลดระยะเวลาในการเป็นไข้หวัดได้อีกด้วย