แพทย์ที่ปรึกษา ศบค. นพ.อุดม คชินทร ได้เคยออกมาเปิดข้อมูลว่า ประเทศไทยมีคนติดเชื้อโควิดแฝงอยู่ถึง 6-7 ล้านคน หรือ 5-6 เท่าของผู้ติดเชื้อยืนยัน เฉพาะใน กทม. ประมาณถึง 1.5 ล้านคน (Ref.1) ที่สำคัญคนส่วนใหญ่ยังแพร่เชื้อได้โดยไม่รู้ตัว ทั้งยังย้ำเตือนว่าให้ทุกคนป้องกันตัวเองให้มาก เพราะแม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ป้องกันไม่ได้ 100%
สนิทแค่ไหนก็ไว้ใจไม่ได้ วัคซีนป้องกันไม่ได้ 100%
วันนี้แม้ตัวเลขการติดเชื้อโควิด19 จะลดลงแต่ในทุกวันก็ยังเป็นหลักหมื่น ฉะนั้นทุกคนยังคงต้องตระหนักในการป้องกันตัวเองอย่างมาก ด้วยสาเหตุสำคัญนั่นคือ
1. ปัจจุบันประเทศไทยติดเชื้อ โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ซึ่งสายพันธุ์เดลต้านี้ สามารถกระจายได้รวดเร็วมาก และทำให้เกิดอาการรุนแรง โดยตอนนี้เชื้อไปในทุกที่ ระบาดในคนใกล้ชิด ในครอบครัว และชุมชน ซึ่งจากการศึกษาของกระทรวงสาธารณสุขพบว่าการระบาดปัจจุบันสอดคล้องกับที่อู่ฮั่นระบาดว่าคนที่ไม่มีอาการและไม่เคยไปตรวจโควิด-19 เมื่อไปตรวจพบว่าเป็นโควิด-19 อีกประมาณ 5-6 เท่าของตัวเลขผู้ติดเชื้อยืนยัน
ยกตัวอย่าง คือ ในปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยืนยันในกทม.ประมาณ 2.5 แสนคน เอา 6 เท่าคูณ หรืออีกราว 1.5 ล้านคน ซึ่งเรียกว่า “ติดเชื้อแฝง” ไม่เคยไปตรวจ ไม่มีอาการ ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่เห็นในปัจจุบัน ฉะนั้นหากตอนนี้เลขผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมทะลุไป 1ล้านกว่าคน หากคูณด้วย 5-6 เท่า ก็จะมีคนติดเชื้อถึงประมาณ 6-7 ล้านคนที่แฝงอยู่ และสามารถแพร่เชื้อมาให้เราได้ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มีการติดเชื้อจากคนใกล้ชิด แม้สนิทแค่ไหนก็ไว้ใจไม่ได้
- แม้ฉีดวัคซีนครบยังกลับมาติดเชื้อใหม่ได้ เป็นอีกสาเหตุหรือปัจจัยที่มีข้อมูลชัดเจน ว่าการฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมการระบาด แต่ในสหรัฐอเมริกา อิสราเอล สิงคโปร์ที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 100% ครบสองเข็ม ถึง 60-70% แต่ณ ตอนนี้ก็ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่กันไม่น้อยอยู่ ฉะนั้นทุกคนจึงต้องทำความเข้าใจว่าวัคซีนทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ หรือสามารถป้องกันได้สัก 50-60% เหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แต่จะป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง ป้องกันไม่ให้ต้องเข้าโรงพยาบาล เข้าไอซียู หรือไม่เสียชีวิต
- คนฉีดวัคซีนแล้วติดโควิด กลายเป็นมีเชื้อแฝงแพร่เชื้อได้สูง แม้คนในประเทศจะฉีดวัคซีนไปมากแล้วซักพัก แต่ทำไมยังมีการติดเชื้อสูงอยู่ เนื่องจากคนที่ฉีดวัคซีนแล้วมักย่ามใจ ไม่ค่อยระวังตัวทำให้ติดเชื้อแต่จะไม่รู้ตัวเพราะไม่แสดงอาการ เมื่อไม่มีอาการก็จะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกตามเดิม แต่ที่น่าห่วงคือจะสามารถไปแพร่ต่อให้คนอื่นได้อีกเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว รวมทั้งหลายคนก็มักวางใจและเชื่อใจ เพราะคิดว่าคนที่ฉีดวัคซีนแล้วไม่เป็นอะไรไม่น่าจะติดเชื้อ ทำให้ไม่ระวังตัวจนติดเชื้อกันได้ง่ายนั่นเอง
เปิดแผนวัคซีนในเด็ก ยังไม่มีอันไหนปลอดภัย100% (Ref.2)
สำหรับวัคซีนโควิดในเด็ก มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าวัคซีนโควิดไฟเซอร์จะเป็นวัคซีนหลักที่ให้ในเด็กอายุ 12-17 ปี ทุกคนในไทย ตามแผนแล้วจะฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม แก่เด็กกลุ่มผู้ที่มีอายุ 12 ปี – 17 ปี 11 เดือน 29 วัน ณ วันที่ฉีด โดยจะอนุโลมให้ กลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่มีอายุเกิน 17 ปี 11 เดือน 29 วันด้วย ซึ่งจะครอบคลุมนักเรียน นักศึกษา ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ปวช. ปวส. หรือ เทียบเท่า รวมถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีอายุ 12 ปี โดยในเดือนตุลาคมนี้ จะเริ่มฉีดให้แก่นักเรียน นักศึกษา ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จำนวน 29 จังหวัดก่อน แต่ตั้งเป้าหมายให้นักเรียน นักศึกษาทุกคน ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ เข็มที่ 1 อย่างครบถ้วน และเข็มที่ 2 ห่างกัน 3-4 สัปดาห์
ซึ่งตั้งแต่วันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้มีโครงการนำร่องฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ให้เด็กอายุ 10-18 ปี จำนวน 50,000 คน พร้อมกับ กทม. ก็เตรียมฉีดไฟเซอร์ให้นักเรียนกลุ่มเสี่ยง อายุ 12-18 ปี ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน
แต่อย่างไรก็ตาม ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ยืนยันยังไม่มีวัคซีนที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน ให้เน้นฉีดผู้ใหญ่ ผู้ปกครอง ครู คนในบ้านให้ครบเพื่อไม่แพร่เชื้อไปยังเด็ก
คุณพ่อคุณแม่จึงควรต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และจำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกเป็นสำคัญ ด้วยการป้องกันลูกไม่ให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ รวมถึงศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีน คำแนะนำในการฉีดวัคซีนที่เหมาะสมกับอายุและสุขภาพของลูก ที่สำคัญคือหลังจากลูกได้รับฉีดวัคซีนแล้ว ต้องหมั่นสังเกตอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นต่างๆ และหากพบอาการผิดปกติต้องรีบพามาพบแพทย์ทันที
Extra protection เตือนทุกคนยังต้องป้องกันขั้นสุด อยู่กับโรคให้ได้
เพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเผยให้เราได้รู้แล้วว่า อย่างไรเสียก็ไม่มีทางที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดจะอยู่ที่ศูนย์ได้ ดังนั้นทุกคนจึงต้องป้องกันตัวในทุกวันสม่ำเสมอ ด้วยมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบขั้นสุดทุกด้าน ตั้งแต่หัวจรดเท้าไว้ โดยเริ่มจากสร้างเกราะไม่ให้ไวรัสเข้าสู่ร่างกายตั้งแต่ที่ด่านแรกคือ “จมูก” ด้วย สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง
สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง ไอเทมสำคัญที่ทุกวันต้อง เพิ่ม พ่นและพก!!
*เพิ่ม…การ์ดที่จมูกตลอดวัน
- ช่วยดักจับและป้องกันเชื้อไวรัส ที่แพร่กระจายในอากาศ ไม่ให้เข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูก
- มีสารสกัดจากธรรมชาติ HPMC หรือผงเซลลูโลส Garlic powder และ Peppermint powder ที่จะเปลี่ยนผงเป็นเจลป้องกันไวรัสร้ายเข้าไปในโพรงจมูก
- มีผลการศึกษายืนยันประสิทธิภาพ ป้องกัน ลดเวลาป่วย และลดความรุนแรงของไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ได้
- ผ่านการทดสอบทางคลินิก ผลิตจากประเทสอังกฤษ ใช้มากกว่า 50 ประเทศ จำหน่ายแล้วกว่า 20 ล้านขวด
*พ่น…หยุดไวรัส ไว้ไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย
- เมื่อพ่นแล้วเจลในจมูก จะช่วยป้องกันเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายในอากาศทั้งในขณะเดินทางหรืออยู่ในบ้าน ไม่ให้เข้าสู่จมูก
- สามารถป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
- มีประสิทธิภาพในการลดจำนวนเชื้อไวรัส ลดเสี่ยงติดเชื้อ ทำให้ไวรัสมีฤทธิ์อ่อนลง
- อ่อนโยน ปลอดภัย ไม่มีส่วนผสมของยา ไม่มีผลข้างเคียง ใช้ได้ทั้งกับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป คุณแม่ครรภ์ คุณแม่ให้นม ผู้ใหญ่ และผู้สูงวัยที่เสี่ยงติดเชื้อและมีอาการรุนแรง
- พ่นเพียง 1 ครั้ง ออกฤทธิ์นาน 6 ชั่วโมง/คร้ัง
*พก…ทุกวัน ป้องกันเชื้อโรคและไวรัส
- – สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง ออกฤทธิ์ในการป้องกันได้เร็วภายใน 2 นาที
- – ใช้พ่นเพียงวันละ 2-3 ครั้ง สามารถป้องกันไวรัสได้ทั้งวัน
- – พกพาสะดวก ขนาดเล็ก ใช้ง่ายแค่ เปิดฝา- เขย่า -พ่นจมูกข้างละ 1-2 ครั้ง – เช็ดทำความสะอาด
- – พกเพื่อประสิทธิภาพเคลือบจมูกป้องกันไวรัสเข้าสู่ร่างกาย
- – มีเอกสารรับรองการจดทะเบียนจาก อย.
ย้ำทุกคนป้องกันตัวแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) !!! ตลอดเวลา ด้วยการ
- ออกจากบ้านเมื่อจำเป็น
- กลุ่มเสี่ยงทั้งผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง ไม่ออกนอกบ้าน หากจำเป็นให้ไปน้อยครั้ง ใช้เวลาสั้นที่สุด
- เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ในทุกสถานที่
- สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ทั้งในและนอกบ้านที่มีคนมากกว่า 2 คน
- หลีกเลี่ยงไม่ใช้มือสัมผัสหน้ากากที่สวมใส่อยู่ ไม่จับใบหน้า ตา จมูก โดยไม่จำเป็น
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ทั้งก่อนกินอาหาร เข้าห้องน้ำ ไอจาม หรือสัมผัสวัตถุ/ สิ่งของ ที่ใช้ร่วมกัน
- ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ
- แยกของใช้ส่วนตัว ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น
- เลือกกินอาหารร้อน ปรุงสุกใหม่ กินอาหารแยกสำรับหรือใช้ช้อนกลางส่วนตัว
- หากสงสัยตัวเองว่ามีความเสี่ยง เพราะสัมผัสผู้ที่อาจติดเชื้อ หรือมีอาการ ควรตรวจด้วยชุด ATK ทุก 3-7 วัน เพื่อยืนยันว่าติดเชื้อหรือไม่ หรือไปตรวจรักษาที่สถานพยาบาล
Ref.
https://www.thebangkokinsight.com/news/politics-general/covid-19/706148/
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6608728
https://www.thansettakij.com/general-news/495936
#ติดเชื้อทางเดินหายใจ #หวัด #ไข้หวัดใหญ่
#หวัดป้องกันได้ #เชื้อโรคลอยในอากาศ
#นาซัลลีซ #สเปรย์พ่นจมูก #ไม่ใช่ยา #ดักจับเชื้อโรค
#นาซัลลีซทราเวล #ExtraProtection #Germblocker #Invisible_mask #ป้องกันดีกว่ารักษา
Line : @nasaleze (มี@ ด้านหน้าด้วยนะคะ) หรือ คลิก https://lin.ee/Iy3ufdh