ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมไร้ท่อชนิดหนึ่งบริเวณคอ มีหน้าที่สร้างฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งฮอร์โมนไทรอยด์นี้จะเป็นส่วนสำคัญในการปรับสมดุลเมตาบอลิซึมของร่างการ
โรคของต่อมไทรอยด์มีได้หลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็มีการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนั้นโดยทั่วไป เราจะแบ่งกลุ่มโรคของไทดรอยด์ได้ดังนี้
- ภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป หรือที่เรียกว่า ไฮเปอร์ไทรอยด์ (Hyperthyroid) ในภาษาไทย บางทีก็เรียกง่าย ๆ ว่าไทรอยด์เป็นพิษ
เมื่อต่อมไทรอยด์ทำงานมากกว่าปกติ ก็จะกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย จนทำให้เกิดความร้อนในร่างกายได้ ดังนั้นผู้ป่วยมักมีเหงื่อออกมากผิดปกติ ขี้ร้อน เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด กระสับกระสาย ใจสั่ง ในบางครั้งอาจมีแขนขาอ่อนแรงร่วมด้วยได้ ในกรณีที่เป็นต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจพบลักษณะเฉพาะคือตาโปน มีปื้นที่หน้าขา หรือคลำได้ต่อมไทรอยด์ขนาดใหญ่กว่าปกติได้ ภาวะนี้สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยา กลืนแร่ เป็นต้น
- ภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป หรือที่เรียกว่า ไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroid)
เมื่อร่างกายมีระดับต่อมไทรอยด์น้อยกว่าปกติ จะทำให้การทำงาน การเผาผลาญของเซลล์ในร่างกายลดน้อยลง จึงพบอาการง่วงนอน อ่อนเพลีย ขี้หนาว น้ำหนักเพิ่ม ผมร่วงผิดปกติ ผิวแห้ง ความจำไม่ดี หรือในบางกรณีอาจมีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วยได้ ในกรณีที่เป็นต่อเนื่อง อาจมีอาการท้องผูก ตะคริว มีหน้าบวมตัวบวม หรือรอบตาบวมได้ ภาวะนี้สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาเป็นหลัก
- ภาวะที่ต่อมไทรอยด์มีการอักเสบ (Thyroiditis) สามารถแบ่งย่อยได้เป็นอีก 2 ประเภท
- ต่อมไทรอยด์อักเสบชนิดกึ่งฉับพลัน (Subacute thyroiditis) ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บคอ อ่อนเพลีย มีไข้ รู้สึกเหนื่อยง่าย กดเจ็บบริเวณต่อมไทรอยด์ที่คอ ภาวะนี้มักเป็นหลังจากมีการติดเชื้อไวรัส
- ต่อมไทรอยด์อักเสบชนิดเรื้อรัง (Chronic thyroiditis) ภาวะนี้ ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการ แต่อาจตรวจพบคอโตโดยกดไม่เจ็บได้ และก้อนนี้ก็อาจยุบได้เองด้วย ภาวะนี้สามารถวินิจฉัยได้จากการเจาะเลือด และมักเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันตัวเองผิดปกติ สร้างสารต่อต้านของตัวเอง เมื่อทิ้งไว้ก็อาจทำให้มีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดต่ำลงได้
- ต่อมไทรอยด์โตผิดปกติ (Goiter) หรือที่เรียกว่าต่อมไทรอยด์โตแบบไม่เป็นพิษ สามารถแบ่งย่อยได้เป็น
- ต่อมไทรอยด์โตชนิดมีก้อนเดียว (Simple goiter)
- ต่อมไทรอยด์โตชนิดมีหลายก้อน (Multinodular goiter)
ภาวะนี้สามารถวินิจฉัยได้จากการตรวจร่างกาย การอัลตร้าซาวน์ต่อมไทรอยด์ หรือการเจาะตรวจชิ้นเนื้อทางห้องปฏิบัติการเพื่อบ่งบอกชนิดของก้อนที่คอนี้ การรักษาจึงมักเพื่อความสวยงามเป็นหลัก ในอดีตสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อทำลายก้อนต่อมไทรอยด์ให้เล็กลงได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด
- มะเร็งต่อมไทรอยด์ (Thyroid cancer)
สามารถพบมะเร็งต่อมไทรอยด์ได้ทั้งในวัยกลางคน และในผู้สูงอายุ มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย มาด้วยเรื่องมีก้อนที่คอ ค่อนข้างแข็ง ไม่เจ็บ แต่ในกรณีที่ปล่อยไว้นาน ก้อนอาจโตและไปกดเบียดอวัยวะอื่น ๆ ทำให้กลืนลำบากได้ โรคนี้สามารถวินิจฉัยได้จากการเจาะดูดเซลล์ของต่อมไทรอยด์ไปตรวจเพิ่มเติมทางพยาธิวิทยา
จะเห็นได้ว่า โรคของต่อมไทรอยด์มีหลากหลายรูปแบบ เมื่อมีอาการสงสัย ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ เพื่อให้การวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
เมื่อไหร่ควรได้รับการตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์
- มีอาการของฮอร์โมนไทรอยด์สูงหรือต่ำเกินไป ดังได้กล่าวไว้ข้างต้น
- มีประวัติเคยตรวจเลือดแล้วพบความผิดปกติของไทรอยด์ฮอร์โมนมาก่อน
- มีประวัติได้รับการรักษาโรคไทรอยด์มาก่อน เช่น การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ การกลืนแร่ไอโอดีน
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคไทรอยด์
- เป็นเบาหวานชนิดที่ 1
- มีภาวะมีบุตรยาก
- คอพอกหรือมีก้อนที่คอ
ECHOPULSE® อีกหนึ่งทางเลือกในการตรวจและรักษาไทรอยด์ (Benign Thyroid nodules)
ด้วยระบบการทำงานด้วยเทคนิค Echotherapy (การอัลตราซาวด์เพื่อหาตำแหน่งและตรวจรักษาโดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ด้วยหลักการใช้ความร้อนสลับกับความเย็น) ในการส่งผ่านความร้อนไปยังตำแหน่งที่ต้องการรักษาอย่างเฉพาะเจาะจง (Targeted tissue) โดยไม่ต้องผ่าตัด (Non invasive surgery)
Echotherapy technology คืออะไร?
เทคนิคการรักษารูปแบบใหม่ในการลดขนาดก้อนไทรอยด์ โดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง (HIFU) พร้อมด้วยการมองเห็นทุกขั้นตอนการรักษาผ่านหน้าจอ monitor แบบ real time ทำให้แพทย์สามารถติดตามผลการรักษาได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้แพทย์ยังสามารถวางแผนและออกแบบการตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้นของการรักษา ตลอดจนควบคุมการรักษาได้อย่างแม่นยำจนถึงขั้นตอนสุดท้ายของการรักษาด้วยระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ (Working automatically by robotic technology)
ก้อนไทรอยด์จะถูกลดขนาดให้เล็กลงด้วยระบบการรักษาแบบ Sequential treatment (Pause & Pulse) โดยการใช้ความร้อนจากคลื่นอัลตราซาวด์สลับกับการใช้ความเย็นจากระบบ Cooling system เพื่อป้องกันผลข้างเคียงต่อผิวหนังหรืออวัยวะข้างเคียงส่วนอื่นๆ ที่เกิดจากความร้อนที่ใช้ในการรักษา
ก้อนไทรอยด์แบบใดที่สามารถรักษาด้วยเครื่อง ECHOPULSE®
ก้อนไทรอยด์แบบไม่เป็นพิษ (Benign thyroid nodule) ทั้งแบบชนิดก้อนเดียว (Single thyroid nodule) และ หลายก้อน (Multinodular goiter) โดยต่อมไทรอยด์ยังมีการสร้างฮอร์โมนได้ปกติ และต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยด้วยวิธี ultrasound หรือ Fine needle aspiration (FNA) biopsy แล้วว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะเป็นก้อนมะเร็ง หรือ มะเร็งต่อมไทรอยด์ (Thyroid cancer)
ผลการรักษาก้อนไทรอยด์ด้วยเครื่อง ECHOPULSE®
มีผลการศึกษาวิจัยรองรับประสิทธิภาพการลดขนาดก้อนไทรอยด์ (Benign thyroid nodule) ด้วยวิธี Echotherapy technology โดยจากการศึกษาพบว่า “สามารถลดขนาดก้อนไทรอยด์ลงได้ถึงร้อยละ 70.42 ในระยะเวลา 2 ปี และพบการกลับมาโตซ้ำ (regrowth) ของก้อนไทรอยด์ในอัตราที่ต่ำมาก การรักษาด้วยวิธี Echotherapy technology จึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ ทั้งในฝั่งยุโรป และเอเชีย”
ประโยชน์สูงสุดที่จะได้รับจากการรักษาด้วย ECHOPULSE®
- การรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด หมดกังวลเรื่องการเกิดแผล
- รักษาและกลับบ้านได้ในวันเดียว ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
- ป้องกันการเกิดผลข้างเคียงต่อผิวหนัง,อวัยวะข้างเคียงและฮอร์โมนต่างๆ
- ฟื้นตัวได้เร็ว
- คุณภาพชีวิตดีขึ้น กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ECHOPULSE® ปลอดภัยหรือไม่
เนื่องจากการใช้ Echotherapy technology ไม่ใช่การผ่าตัด ดังนั้น จึงลดความเสี่ยงจากการผ่าตัด ความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนและการสูญเสียฮอร์โมนหลังผ่าตัด นอกจากนี้ เนื่องจากไม่มีแผลจากการผ่าตัด จึงไม่ต้องนอนโรงพยาบาล และสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
ECHOPULSE® รักษากับแพทย์แผนกใด
Echotherapy technology จัดได้ว่าเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยแพทย์ที่รักษาจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเรื่องเทคนิคการรักษาด้วย Echotherapy โดยเฉพาะ ดังนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโสต ศอ นาสิก จะเป็นผู้ดูแลและดำเนินการรักษาหลัก
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่
คุณ กุลทิตตา
โทร : 065- 879-3554
Email : kultitta@valorhealth.co.th
แพทย์ผู้ทำการรักษา : นายแพทย์ พนัส บิณศิรวานิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน โสต ศอ นาสิก
ติดต่อสอบถามข้อมูล : หน่วยตรวจผู้ป่วยนอกพิเศษโสต ศอ นาสิก อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ ชั้น 4 โซนคิว (Zone Q) คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
เวลาทำการ : อังคาร 16.00 – 20.00 น., เสาร์ 9.00 – 12.00 น.
เบอร์โทรติดต่อ : 02-2004250
#CooledRF #ปวดเข่า #ปวดหลัง #ผ่าเข่า #รักษาอาการปวด #เข่าเสื่อม #รักษาอาการปวดเข่า #ไม่ต้องผ่าเข่า #รักษาอาการปวดเรื้อรัง #CooledRadiofrequency
Tel : 065- 879-3554
Facebook : Cooled RF