แม้จะเดือนเมษายนแล้วแต่ฝุ่นพิษ PM 2.5 บ้านเราก็ยังไม่เบาลง แถมตอนนี้ใครมีอาการไอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ก็แยกไม่ออกว่าติดเชื้อโรคระบาด หรือเพราะฝุ่น PM 2.5 ในอากาศกันแน่ เราจึงชวนเช็ก 4 สัญญาณเตือนของร่างกายที่บอกว่าโดนฝุ่นพิษทำร้ายเข้าแล้ว จะได้รีบหาวิธีป้องกันและดูแลตัวเองกันทันทีก่อนจะมีอาการรุนแรงยิ่งขึ้น

ฝุ่นพิษมีทั้งปีทั่วไทย…PM 2.5 แต่ละภาคมีวิกฤตไม่พร้อมกัน

               หากพูดถึงปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ส่วนใหญ่หฃาบคนมักจะเข้าใจว่ามีแต่ในเมืองใหญ่ๆเช่น ในพื้นที่กทม. เชียงใหม่ ขอนแก่น แต่แท้จริงแล้ว ทุกภาคทั่วประเทศไทยก็มีฝุ่นพิษ PM 2.5 นี้เกิดขึ้นได้

โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขได้กล่าวว่า ปัญหาด้านมลพิษอากาศหลักของประเทศไทย จะประกอบด้วย ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) โอโซน สารประกอบอินทรีย์ระเหย และโลหะหนัก เช่น ปรอท ตะกั่ว แหล่งกำเนิดหลักของสารมลพิษอากาศในประเทศไทย คือ การคมนาคมขนส่ง การเผาเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ ในยานยนต์ โรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรมและบ้านเรือน การเผากากของเสียและชีวมวลในที่โล่ง กระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม และปฏิกิริยาเคมีในบรรยากาศก่อให้เกิดสารมลพิษอากาศทุติยภูมิ

               ส่วนแหล่งที่มาของฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย แยกได้เป็น

• กรุงเทพฯและปริมณฑล สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการคมนาคมขนส่ง การเผาชีวมวลในที่โล่ง และฝุ่นทุติยภูมิ
• ภาคกลาง มักเกิดจากการเผาทางการเกษตร และการเผาชีวมวลในที่โล่ง
• ภาคเหนือ  ส่วนใหญ่เกิดจากไฟป่า และการเผาในที่โล่ง
• ภาคตะวันออก  เกิดจากการคมนาคมขนส่งในภาคอุตสาหกรรม และโรงงานต่างๆ  
• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การเผาชีวมวลในที่โล่ง รวมทั้งไฟป่า
• ภาคใต้ ไฟป่าพรุในอินโดนีเซียและในประเทศไทย โดยเฉพาะป่าพรุควนเคร็ง จ.นครศรีธรรมราช

วิกฤตฝุ่นในแต่ละภาค เกิดในเวลาต่างกัน จะเห็นได้ว่าฝุ่น PM 2.5 เกิดได้ทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทย เพียงแต่ในแต่ละภูมิภาคจะมีช่วงเวลาวิกฤตของปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ต่างกัน นั่นคือ

1) ภาคเหนือ – เดือนมกราคม-เดือนพฤษภาคม

2) ภาคอีสาน – เดือนมกราคม-เดือนพฤษภาคม

3) กรุงเทพ และปริมณฑล – เดือนพฤศจิกายน-เดือนมีนาคม

4) ภาคใต้ – เดือนกรกฎาคม-เดือนกันยายน

ซึ่งการทำความเข้าใจฤดูกาลของฝุ่นในแต่ละภาคหรือพื้นที่นั้น จะช่วยให้เราสามารถเตรียมรับมือฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างถูกต้องและทันสถานการณ์ โดยเฉพาะเมื่อต้องไปพักอาศัยหรือเดินทางไปยังที่ที่มีค่าฝุ่นสูง เพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5 ไม่ให้ก่อให้เกิดปัญหากับสุขภาพได้  

สัญญาณเตือนจากร่างกาย เมื่อได้รับฝุ่น PM 2.5

               ชวนเช็ก 4 สัญญาณเตือนที่บอกว่าร่างกายกำลังได้รับพิษจากฝุ่น PM 2.5 อันตรายที่เรามองไม่เห็น              

1. มีอาการแสบตา คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ แน่นหน้าอก ภูมิแพ้กำเริบ
2. เป็นตุ่ม ผื่นนูนแดง โดยเฉพาะคนป่วยโรคผิวหนังเรื้อรังเช่น ภูมิแพ้ ลมพิษ สะเก็ดเงิน อาจมีอาการหนักขึ้นกว่าคนทั่วไป
3. มีเลือดกำเดาไหล แบบไม่มีสาเหตุ
4. มีอาการแสบ เคืองตา ตาแดง น้ำตาไหล

หากคุณมีอาการเหล่านี้แสดงว่าฝุ่นได้เข้าไปในร่างกายและกระแสเลือด ทำให้อวัยวะต่างๆ มีการอักเสบเกิดขึ้น ฉะนั้นควรรีบดูแลป้องกันตัวเองไม่ให้ร่างกายได้รับฝุ่นมากขึ้นจนมีอาการรุนแรง และหากมีอาการต่างๆ ผิดปกติมากขึ้นควรรีบไปพบแพทย์  

รู้วิธีดูแลตัวเองรับมือ ฝุ่น PM 2.5

1. หมั่นเช็กระดับฝุ่นเป็นประจำ จากเว็บไซต์ที่บอกสภาพอากาศต่างๆ เวลาที่ต้องออกจากบ้านหรือเดินทาง เพื่อจะได้ระมัดระวังป้องกันตัวเองถูกต้อง
2. สวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่นได้ เช่น N95, KF94, FFP1-FFP2 หน้ากากผ้าที่มีแผ่นกรอง หรือหน้ากากทางการแพทย์ โดยสวมหน้ากากอนามัยให้ถูกวิธี ปิดให้มิดชิดทั้งปากและจมูก ป้องกันฝุ่นเล็ดลอดเข้าร่างกาย
3. หยุดสูดฝุ่นพิษ ด้วย สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง นาซัลลีซ พีเอ็ม ชีลด์ (Nasaleze PM Shield) นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยดักจับและป้องกันฝุ่นและสารมลพิษร้ายไม่ให้เข้าจมูกและทางเดินหายใจได้ทุกวันอย่างปลอดภัย ด้วยคุณสมบัติพิเศษสำคัญ ดังนี้

• ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100% มีส่วนผสมของผงเซลลูโลส (HPMC) 95% และผงเลม่อน 5% ช่วยดักจับและป้องกัน สารมลพิษ และ ฝุ่น PM 2.5 ในอากาศไม่ให้เข้าสู่เยื่อบุจมูกและทางเดินหายใจได้
• เปลี่ยนผงสเปรย์ให้มีลักษณะเป็นเจลใสในจมูก เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ฝุ่น PM 2.5 สารมลพิษในอากาศเข้าสู่เยื่อบุจมูกและทางเดินหายใจ
• ป้องกันฝุ่น PM 2.5 และสารมลพิษได้จริง ผ่านการศึกษาทดลอง มีประสิทธิภาพช่วยจับฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 94% เป็นระยะเวลานานถึง 6 ชั่วโมง
•  ออกฤทธิ์เร็วภายใน 2 นาที พ่น 1 ครั้ง ป้องกันฝุ่นได้ 6 ชั่วโมง พ่นวันละ 2-3 ครั้ง หรือทุก 6-8 ชั่วโมง จะช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 และสารมลพิษในอากาศเข้าสู่เยื่อบุจมูกได้ตลอดวัน
• ปลอดภัยสูง ไม่มีส่วนผสมของยา ไม่มีผลข้างเคียง ใช้ได้ในเด็กวัย 18 เดือนขึ้นไป ผู้สูงวัย คุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่ให้นมบุตร
• ผ่านการรับรองระดับสากล ผลิตในประเทศอังกฤษ นิยมใช้แล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
• มีใบอนุญาตโฆษณาเครื่องมือแพทย์จาก อย. เลขที่ ฆพ.673/2564              
•  มีใบอนุญาตนำเข้าเครื่องมือแพทย์ เลขที่ GBR6304847
• ใช้ง่าย เพียงเปิดฝา เขย่าขวด บีบพ่นผงเข้าไปในรูจมูกทั้ง 2 ข้าง  พกพาได้ทุกวัน 1 ขวดใช้ได้ถึง 200 ครั้ง
• ควรใช้ก่อนออกจากบ้าน เมื่อต้องเดินทางไปสถานที่เสี่ยง ทั้งบนท้องถนน การจราจรคับคั่ง มีไอเสีย มลพิษ ฝุ่นควัน และบริเวณที่มีการก่อสร้างต่างๆ 

     4.ใช้เครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน เพื่อดักจับและลดปริมาณฝุ่นให้น้อยลง

5. ปิดช่องโหว่ภายในบ้าน เช่น ช่องว่างระหว่างของหน้าต่าง หรือช่องห่างของประตู เพื่อป้องกันและลดปริมาณฝุ่น ไม่ให้เข้ามาในบ้านได้มากขึ้น
6. หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพราะอากาศนอกบ้านเต็มไปด้วยฝุ่น ควัน ที่ทำร้ายสุขภาพ ลอยอยู่ในอากาศโดยที่เรามองไม่เห็น การทำกิจกรรมการแจ้งแม้จะใส่หน้ากากป้องกัน แต่ร่างกายก็ยังได้รับฝุ่นพิษได้ง่ายอยู่ดี ฉะนั้นหากเลี่ยงได้ควรทำกิจกรรมต่างๆ อยู่ในอาคารเพื่อไม่ให้ต้องสูดดมฝุ่นพิษเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว