จะสวยได้ต้องปลอดภัยด้วย! แต่ถ้าเสริมสวยมีผลอันตราย รับละอองฝอย สารเคมี และมลพิษทำเสียสุขภาพง่าย สาวๆ คงต้องระวังกันให้มาก เพราะน้ำยาดัดและทำสีผม สเปรย์ฉีดผม สเปรย์ดับกลิ่นกาย ล้วนมีสารเคมีและมลพิษร้าย คุณผู้หญิงคงต้องระวังภัยและหาวิธีไม่ให้เราต้องสูดดมมลพิษเข้าไปตั้งแต่วันนี้!!
เตือนภัยสาวๆ ระวังเครื่องสำอางและการทำสวยในซาลอน
ศูนย์ข้อมูลพิษวิทยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้เผยแพร่ความรู้เตือนภัยเกี่ยวกับเครื่องสำอาง และสเปรย์ทำผม น้ำยาดัดผมต่างๆ โดยให้ข้อมูลว่า เครื่องสำอางที่คนส่วนใหญ่มักใช้กันนั้นไม่ได้หมายถึงเฉพาะเครื่องสำอางที่ผู้หญิงใช้ตกแต่งหน้าตา เช่น ลิปสติก แป้งทาหนา มาสคาร่า อายแชโดว์ ดินสอเขียนคิ้ว ดินสอเขียนตา เท่านั้น แต่เครื่องสำอางยังรวมถึง สบู่ แชมพู ยาสีฟัน น้ำยาดัดผม ยาย้อมผม สเปรย์ทำผม สเปรย์กำจัดกลิ่นกายด้วย เรียกได้ว่าเครื่องสำอางเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตประจำวันสำหรับคนทุกเพศทุกวัย
แต่หลายคนโดยเฉพาะผู้หญิงที่ใช้เครื่องสำอางหลากหลายประเภท อาจไม่ได้ใส่ใจหรือรู้ว่าเครื่องสำอางที่ใช้ในแต่ละชนิดนั้น มีพิษภัยซ่อนอยู่มากแค่ไหน ทั้งๆ ที่บรรดาเครื่องสำอางที่นำมาเสริมสวยต่างๆ มีสารเคมีประกอบ มีกลิ่น มลพิษ และสารระเหย ที่มีปฏิกิริยาต่อร่างกายทำให้เกิดอาการข้างเคียงหรือเป็นพิษจนทำให้เจ็บป่วยได้ เราจึงชวนมาดูกันว่าเครื่องสำอางจะทำให้เกิดปัญหาได้อย่างไรบ้าง พร้อมกับแนะนำการป้องกันไม่ให้เราต้องมาเสี่ยงสัมผัส สูดหายใจเอามลพิษหรือสารอันตรายเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกาย ด้วยวิธีที่จะทำให้สาวๆ ปลอดภัยใช้เครื่องสำอางได้อย่างมีสุขภาพดียิ่งขึ้น
พิษจากการใช้เครื่องสำอาง ทำให้เกิดอาการข้างเคียงขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่างๆ ได้แก่
1.ระยะเวลาที่สัมผัสผิวหนัง ในเครื่องสำอางที่ทาแล้วทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ เช่น ครีมบำรุงผิว มักก่อให้เกิดอาการข้างเคียงได้มากกว่าเครื่องสำอางประเภทที่ทาแล้วล้างออก เช่น แชมพู น้ำยาปรับสภาพผม
2.บริเวณที่ทาผิว ผิวหนังบางแห่งของร่างกายไวต่อสิ่งรบกวนมากกว่าบริเวณอื่นด้วย เช่น ผิวหนังรอบดวงตา จึงพบว่าเครื่องสำอางที่ใช้สำหรับแต่งดวงตามักจะก่อให้เกิดปัญหาได้มาก
3.ความเป็นกรด-ด่างของเครื่องสำอาง ส่งผลทำให้เกิดการระคายเคือง แพ้ และเป็นพิษอื่นๆ ได้ โดยเครื่องสำอางที่มีความเป็นด่างสูง เช่น ครีมกำจัดขน และครีมยืดผม จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองค่อนข้างมาก ทั้งต่อผิวหนัง และทางเดินหายใจ
4.ความเข้มข้นของสารที่ระเหย จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายได้หลายระบบ เนื่องจากเครื่องสำอางหลายประเภทมีปริมาณสารที่ระเหยได้สูง เช่น น้ำยาระงับกลิ่นตัวชนิดฉีดพ่นหรือของเหลว เมื่อทาแล้วและสารที่ระเหยได้ระเหยออกไป ความเข้มข้นของสารระงับเชื้อจุลินทรีย์อาจเพิ่มขึ้น 2-5 เท่า ทำให้เกิดอาการข้างเคียงสูงขึ้นได้
อาการข้างเคียงจากการใช้เครื่องสำอาง แบ่งได้เป็น 2 ทาง คือ
1.อาการทางระบบผิวหนัง
เป็นอาการข้างเคียงที่มีสาเหตุมาจากการใช้เครื่องสำอาง ส่วนใหญ่อันดับแรกคืออาการทางผิวหนัง ซึ่งแบ่งได้เป็น 4 ชนิด นั่นคือ
1.1การระคายเคือง (Irritation) ทำให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบ เนื่องจากสัมผัสสารเคมีที่ทำให้ระคายเคืองนั้นโดยตรง เช่น จากสารที่มีฤทธิ์เป็นกรด หรือ ด่างมาก
1.2 อาการแพ้ (Allergy) มีอาการแพ้ทางผิวหนังจากปฏิกิริยาภูมิคุ้มกัน ปฏิกิริยาดังกล่าวเกิดเฉพาะกับคนที่แพ้ต่อสารนั้นๆ และเนื่องจากเป็นปฏิกิริยาที่ผ่านทางระบบคุ้มกัน จึงต้องอาศัยช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะมีอาการเกิดขึ้น โดยส่วนใหญ่เมื่อสัมผัสสารครั้งแรกอาจจะกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันขึ้น แต่เมื่อไปสัมผัสสารนั้นอีกเป็นครั้งที่ 2 หรือในครั้งต่อๆ ไป จึงทำให้เกิดปฏิกิริยามีการอักเสบขึ้นได้
1.3 อาการพิษจากแสง (Phototoxicity) มาจากการที่พิษของสารเคมีในเครื่องสำอางทำงานร่วมกันกับแสงแดด คือต้องมีแสงอัลตราไวโลเล็ตเป็นตัวกระตุ้นจนก่อให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบ มีอาการระคายเคือง
1.4 ภูมิแพ้แสง (Photoallergy) มีอาการแพ้ เป็นผื่นคัน สาเหตุเพราะปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันของร่างกายที่เกิดขึ้นกับคนที่แพ้ต่อสารเคมีนั้นๆ แต่จะต้องมีแสงอัตราไวโอเล็ตเป็นตัวกระตุ้นด้วย
- อาการทางระบบอื่นๆ
2.1 การระคายเคืองต่อดวงตา (Eye iirritation) เนื่องจากแชมพู โฟมอาบน้ำ สามารถกระเด็นเข้าตาจนทำให้ดวงตาได้รับสารเคมีจนทำให้เกิดอาการระคายเคือง นอกจากนี้ในเครื่องสำอางประเภทครีมทาหน้า ส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของเบนซิลอะซิเตต (Benzyl acetate)หรือ เบนซิลแอลกอฮอล์ (Benzyl alcohol) ในน้ำหอมที่แต่งกลิ่น เมื่อทาใกล้ดวงตาก็อาจทำให้ระคายเคือง แฃะทำให้น้ำตาไหลได้
2.2 การระคายเคืองต่อทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากฟองอาบน้ำ (Bubble bath) ที่อาจหลุดลอดเข้าไปในร่างกาย ระคายเคืองบริเวณที่ขับถ่ายปัสสาวะได้
2.3 พิษจากการใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีอันตรายเป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ทารกในครรภ์มีปัญหา (Teratogenicity) การกลายพันธุ์ (Mutagenicity) การเกิดมะเร็ง (Carcinogenicity) เป็นต้น
2.3 การระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ เป็นอาการระคายเคืองที่หลายๆคนมองข้าม เพราะคิดว่าเครื่องสำอางน่าจะทำให้แพ้หรือมีผลแค่กับทางผิวหนัง แต่ความจริงแล้วสารเคมีหรือมลพิษที่ลอยในอากาศจากการใช้เครื่องสำอาง ก็สามารถสะสมจากการสูดดมเข้าไปในจมูก จนทำให้เกิดอาการระคายเคืองและแพ้ได้ โดยเฉพาะการใช้สเปรย์แต่งทรงผม หรือสเปรย์ระงับกลิ่นตัว ในห้องที่อากาศถ่ายเทไม่ดี
*อันตรายจากสารเคมีในเครื่องสำอาง
1) ยาย้อมผม ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่1 เป็นส่วนผสมของสารที่ทำให้เกิดสี (Colour intermediate) และส่วนที่ 2 คือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่นำมาผสมแล้วทาบนเส้นผมทันที สารซึ่งเป็นส่วนผสมในส่วนที่1 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พาราฟีนีไดอะมีน ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ 4% ซึ่งในจำนวนนี้เป็นอาการแพ้ร้อยละ 1 โดยอาการแพ้เริ่มจากผิวหนังมีผื่นแดง บวมรอบดวงตา ต่อมาจะมีผื่นแดงกลายเป็นตุ่มใส มีน้ำเหลือง คันมาก เกิดขึ้นได้ในบริเวณตั้งแต่ศีรษะ ใบหน้าและต้นคอ
ถ้าสูดหายใจเข้าไปและมีอการแพ้มาก จะทำให้หายใจลำบาก และเกิดจ้ำเขียวเป็นผื่น นอกจากนี้พาราฟีนีลีนไดอะมีนยังทำให้เกิดอาการระคายเคืองและเป็นพิษต่อระบบภายในร่างกาย เมื่อใช้เป็นเวลานาน
2.ยาย้อมผมชนิดถาวร (Permanent hair dyes) ทำให้เกิดสีย้อมติดคงทนถาวรในชั้นกลาง (Cortex) ของเส้นผม ผลิตภัณฑ์นี้มักมี 2 ขวด นั่นคือ ขวดที่1 คือ ส่วนผสมของสีในตัวกลางที่เหมาะสม มักเป็นครีม หรือโลชั่น ขวดที่ 2 คือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งมีวิธีใช้คือผสมน้ำยาขวดที่ 1 และ 2 เข้าด้วยกัน ผสมกันให้ดี แล้วใช้ทาเส้นผมทันที จะทำให้เกิดปฏิกิริยาขณะที่สีกำลังแพร่กระจายเข้าไปในเส้นผม สีที่เกิดในเส้นผมจะยังคงอยู่หลังจากการล้าง เนื่องจากสีที่เกิดประกอบด้วยโมเลกุลขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะแพร่กระจายออกมาจากเส้นผม สีจึงไม่ถูกกำจัดออกจากเส้นผมโดยง่าย คงทนต่อการสระ จึงเรียกว่ายาย้อมผมชนิดถาวร
ซึ่งความเป็นพิษคือ พาราฟีนีลีนไดอะมีน และ พาราโทลูไดอะมีน เป็นตัวยาสำคัญของยาย้อมผมชนิดถาวรซึ่งนิยมใช้มากในประเทศไทย และเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้และผิวหนังอักเสบ พารฟีนีไดอะมีน ทำให้ผู้ใช้เกิดอาการแพ้ได้ร้อยละ 4 และเป็นผู้เกิดอาการแพ้รุนแรงร้อยละ 1 โดยเริ่มแรก ผิวหนังมีผื่นแดง มีอาการบวมรอบนัยน์ตา ต่อมาผื่นแดงจะกลายเป็นตุ่มใส และมีน้ำเหลือง มีอาการคันมาก บริเวณที่เกิดอาการแพ้เป็นได้ตั้งแต่ศีรษะ ใบหน้า และ ต้นคอ
กรณีหากแพ้มากทำให้หายใจลำบาก นอกจากนั้นทำให้เกิดจ้ำเขียว เป็นผื่น มีผู้ทดลองพบว่า สารพวกนี้ทำให้เกิดเนื้องอกในสัตว์ทดลองได้
3) สารฟอกจางสีผม ทำให้เกิดอาการแพ้เนื่องจากสารแอมโมเนียมซัลเฟต
4) น้ำยาดัดผม (Cold wave lotion) ส่วนมากทำให้เกิดผิวหนังอักเสบจากการระคายเคืองเนื่องจากสัมผัสกับด่างในผลิตภัณฑ์ ไม่ค่อยพบอาการแพ้น้ำยาดัดผม เนื่องจากแพ้น้ำหอมหรือสารอื่นซึ่งเป็นส่วนประกอบในสูตรตำรับ
5) ยาระงับกลิ่นตัวและกลิ่นเหงื่อ (Deodorant and antiperspirant) ผลิตภัณฑ์นี้มักเป็นชนิดฉีดพ่น เป็นของเหลวซึ่งข้นที่บรรจุขวด หรือ ลูกกลิ้ง หรือ เป็นแท่ง มักทำให้เกิดอาการแพ้ได้บ่อย เนื่องจากสารระงับการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย เช่น คลอเฮกซิดีน เบนซาลโคเนียมคลอไรด์ ไทรโคลซานไกลคอล และน้ำหอม ทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองทั้งผิวหนัง ทางเดินหายใจ และสารเคมีจากสเปรย์ที่พ่นในอากาศหากสูดดมเข้าไปสะสมมากอาจมีปัญหาระบบทางเดินหายใจได้
ป้องกันสารมลพิษและฝุ่นร้ายเข้าลมหายใจได้ทุกวัน
เห็นอันตรายแบบนี้แล้วแนะนำให้สาวๆ อย่ารอช้าที่จะต้องรีบป้องกันสารมลพิษต่างๆ ที่เรามองไม่เห็น ด้วยการเลือกใช้เครื่องสำอางที่ปลอดภัยจากสารอันตราย และปกป้องจมูกไม่ให้สูดควัน สารเคมีและมลพิษในอากาศ ด้วยนวัตกรรมสเปรย์พ่นจมูกชนิดผง นาซัลลีซ พีเอ็ม ชีลด์ (Nasaleze PM Shield) ที่จะช่วยดักจับและป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก ฝุ่น PM 2.5 และสารมลพิษต่างๆ ในอากาศไม่ให้เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ คุณผู้หญิงจะได้เสริมสวยและใช้เครื่องสำอางได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง นาซัลลีซ พีเอ็ม ชีลด์ (Nasaleze PM Shield) มีความพิเศษมากมาย ดังต่อไปนี้
- เป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถช่วยดักจับและป้องกันฝุ่น PM 2.5 และสารมลพิษในอากาศไม่ให้เข้าจมูกได้จริง
- ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100% มีส่วนประกอบของผงเซลลูโลส (HPMC) 95% และผงเลม่อน 5% ที่ช่วยดักจับและป้องกัน ฝุ่น PM 2.5 สารมลพิษในอากาศไม่ให้เข้าสู่เยื่อบุจมูกและทางเดินหายใจ
- ออกฤทธิ์โดยการเปลี่ยนผงสเปรย์ให้มีลักษณะเป็นเจลใสในจมูก สร้างเกราะเพื่อดักจับป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ฝุ่น PM 2.5 และสารมลพิษในอากาศเข้าสู่ในเยื่อบุจมูก
- มีการศึกษายืนยันประสิทธิภาพในการช่วยดักจับฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 94% เป็นระยะเวลานานถึง 6 ชั่วโมง
- ออกฤทธิ์เร็วภายใน 2 นาที พ่น 1 ครั้ง ป้องกันฝุ่นได้ 6 ชั่วโมง พ่นทุก 6-8 ชั่วโมง จะช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 และสารมลพิษในอากาศเข้าสู่เยื่อบุจมูกได้ตลอดวัน
- อ่อนโยน ปลอดภัย ไม่มีส่วนผสมของยา ไม่มีผลข้างเคียง ใช้ได้ในเด็กวัย 18 เดือนขึ้นไป คุณแม่ตั้งครรภ์ และคุณแม่ที่ให้นมบุตร
- มีเอกสารรับรอง ได้รับใบอนุญาตโฆษณาเครื่องมือแพทย์จาก อย. เลขที่ ฆพ.673/2564
- ผลิตในประเทศอังกฤษ นิยมใช้กว่า 50 ประเทศทั่วโลก มีใบอนุญาตนำเข้าเครื่องมือแพทย์ เลขที่ GBR6304847
- ใช้ง่าย คุ้มค่า เพียงเปิดฝา เขย่าขวด บีบพ่นผงเข้าไปในรูจมูกทั้ง 2 ข้าง 1 ขวดใช้ได้ถึง 200 ครั้ง
- ควรใช้ นาซัลลีซ พีเอ็ม ชีลด์ ก่อนออกจากบ้าน ก่อนการใช้สเปรย์ที่มีสารระเหยต่างๆ หรือไปในบริเวณสถานที่เสี่ยงฝุ่น PM 2.5 และสารมลพิษในอากาศปริมาณสูง ทั้งการเดินทางที่ต้องผ่านการจราจรแออัด ถนน และการก่อสร้างสิ่งต่างๆ
#Nasaleze #นาซัลลีซ #สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง #NasalezePMShield #PM2.5
#สเปรย์พ่นจมูกดักจับฝุ่นขนาดเล็ก #MadeInEngland #ระวังของเลียนแบบ
#เพิ่มการ์ด #ExtraProtection #นวัตกรรมใหม่ #innovation #มลพิษ #อากาศเสีย
#ฝุ่นควัน #ควันท่อไอเสีย #pollution #วัณโรค #ปอดอักเสบ #เผาป่า #ไฟป่า
Line : @nasaleze (มี@ ด้านหน้าด้วยนะคะ) หรือ คลิก https://lin.ee/Iy3ufdh