ไม่ใช่การแข่งขันทางด้านไหน…แต่คือเรื่องการแพ้ของร่างกายที่เด็กๆ เอาชนะไม่ได้สักที เพราะมีสถิติพบว่าเด็กไทยเป็นภูมิแพ้สูงขึ้นหลายเท่า เราจึงจะมาให้ข้อมูลกันว่าเด็กๆ บ้านเราแพ้อะไร? แล้วทำอย่างไรจะช่วยป้องกันการแพ้ยอดฮิตนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กระทรวงสาธารณสุขได้เคยออกมาเปิดเผยข้อมูล จากสมาคมโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยาแห่งประเทศไทย ที่ระบุว่าเมื่อเทียบเคียงสถิติในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา จะพบว่ามีผู้ป่วยโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้นมากถึงประมาณ 3-4 เท่า โดยพบในเด็กไทยมากถึง 38% และในผู้ใหญ่ 20% ซึ่งสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่เป็นปัจจัยหลัก คือการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมจากสังคมชนบทเป็นเมือง โดยเฉพาะมลภาวะจากก๊าซโรงงานอุตสาหกรรม การจราจร มลพิษ ควันรถยนต์ ควันบุหรี่ คุณภาพอากาศที่ไม่ดี หรือฝุ่นละอองที่สะสมอยู่ในพรมและฝุ่นในบ้าน เป็นสาเหตุให้เกิดโรคภูมิแพ้ รวมถึงการติดเครื่องปรับอากาศจนทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เป็นต้นเหตุทำให้ไรฝุ่นเจริญเติบโตและสะสมได้ดี
นอกจากนี้สาเหตุที่มีคนป่วยโรคภูมิแพ้สูงขึ้น ยังเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมประจำวันของคนเราในปัจจุบัน ทั้งการไม่ออกกำลังกายจนร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อง่าย เด็กกินนมแม่น้อยลง การรับประทานอาหารจานด่วนมากขึ้น และการสูบบุหรี่
ตลอดจนคนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะใช้เวลาอยู่ในอาคารนานขึ้น การถ่ายเทอากาศที่น้อย การใช้พรม การเลี้ยงสัตว์ในอาคาร ทำให้อุบัติการณ์เกิดโรคภูมิแพ้มากขึ้น ซึ่งโรคภูมิแพ้เป็นโรคที่ดูเหมือนจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่บางโรค เช่น โรคหืดและปฎิกิริยาการแพ้บางชนิด เช่น แพ้อาหาร แพ้ยา แมลงต่อย ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้
แพ้อากาศ…ภูมิแพ้ที่มาแรงในเด็ก
โดยส่วนใหญ่เด็กมักจะมีอาการแพ้ได้หลายแบบ ซึ่งชนิดของโรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยในเด็ก สามารถแบ่งตามระบบของร่างกายออกได้เป็น 4 กลุ่มคือ โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง โรคภูมิแพ้ทางตา โรคภูมิแพ้หลายระบบ หรือแบบช็อก แต่โรคภูมิแพ้ที่มีข้อมูลพบว่าเด็กป่วยกันมากคือ โรคแพ้อากาศหรือโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic rhinitis) ที่มีข้อมูลของการวิจัยในประเทศไทยพบว่า เด็กไทยมีอาการของโรคภูมิแพ้ทางจมูกประมาณ 40% ซึ่งสูงกว่าเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วถึง 2 เท่า และ 13% ของเด็กไทย และ 5-10 % ของผู้ใหญ่เคยมีอาการของโรคหืด ซึ่งในคนไทยหรือผู้ใหญ่เองก็มีข้อมูลที่พบว่าป่วยด้วยภูมิแพ้พุ่งขึ้น 4 เท่า โดยมีต้นตอหรือสาเหตุใหญ่มาจากการจราจรในเมือง มลพิษ ฝุ่นละออง พรม และเครื่องปรับอากาศ
โรคแพ้อากาศหรือโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic rhinitis) เป็นโรคที่ทำให้คนที่ป่วยจะมีอาการแพ้เมื่อได้สัมผัส หายใจกับสิ่งต่างๆ ที่แพ้ได้รอบตัว เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ มลพิษ เชื้อรา ทำให้คนที่เป็นภูมิแพ้จมูกมีอาการคัดจมูก จาม น้ำมูกไหล คันจมูก ชอบขยี้จมูก จนเกิดรอยบริเวณสันจมูก มีเสมหะในคอ เลือดกำเดาไหลบ่อยและอาจพบอาการคันตา แสบตา น้ำตาไหล คันหู หูอื้อ ร่วมด้วย
ที่สำคัญคือโรคภูมิแพ้นั้นหากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้คุณภาพชีวิตของคนที่เป็นอยู่แย่ลงกว่าคนที่ไม่เป็นภูมิแพ้ เช่น การเกิดอาการคัดจมูกในเวลากลางคืนทำให้นอนอ้าปากหายใจ เมื่อตื่นขึ้นมาจะทำให้มีอาการปากแห้ง รู้สึกเหมือนนอนหลับไม่สนิท สมาธิสั้น ถ้าอาการเหล่านี้เกิดขึ้นในเด็กก็อาจทำให้มีปัญหาการหลับในเวลาเรียน มีปัญหาความคิด ความจำสั้น เรียนและทำงานได้ไม่เต็มที่ และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ ทั้งไซนัสอักเสบ ริดสีดวงจมูก หูชั้นกลางอักเสบ นอนกรน
ลูกแพ้อากาศ รีบดูแลก่อนแก้ยาก
โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจหรือแพ้อากาศ ถือเป็นภูมิแพ้ในเด็กที่พบบ่อยและเป็นปัญหามากที่สุด ซึ่งสาเหตุของโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบหรือแพ้อากาศ มักเกิดจากสิ่งที่ลูกแพ้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน เช่น ขนสัตว์ ไรฝุ่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ ควันและอื่นๆ โดยอาการของโรคภูมิแพ้ทางจมูกอาจแบ่งได้เป็น 4 ชนิด คือ
- มีอาการเด่นทางน้ำมูกคือจะมีน้ำมูกใสไหล จาม คันจมูก
- มีอาการเด่นทางอาการคัดจมูกเป็นหลักมักไม่มีน้ำมูกและอาการจาม
- มีอาการของ 2 ชนิดแรกรวมกัน คือมีทั้ง น้ำมูกใส และอาการคัดจมูก
- มีอาการที่วินิจฉัยยากหากแพทย์หรือผู้ตรวจไม่มีความชำนาญเฉพาะทางอาจวินิจฉัยผิดได้ เช่น กลุ่มที่มีอาการไอเรื้อรังหรือกระแอมซึ่งเกิดจากเสมหะไหลหรือซึมลงคอ อาจรู้สึกมีเสมหะติดคอเวลาเช้าได้ หรือบางคนมีอาการปวดหัวเรื้อรัง นอนกรน หรือถอนหายใจบ่อยๆ ปากแห้ง บางคนมีอาการคันหัวตาโดยไม่มีอาการตาแดง ซึ่งคาดว่าเกิดจากการที่มีเยื่อจมูกบวมมากทำให้ท่อน้ำตาที่อยู่ติดกันอักเสบ จนมีอาการคันที่หัวตาอย่างมากได้
การรักษาและป้องกันที่สำคัญ ได้แก่
1.การรักษาด้วยยา โดยแบ่งการรักษาเป็น 3 ระดับคือ ระดับแรกการใช้ยาบรรเทาอาการ เช่น ยาแก้แพ้ แอนตี้ฮีสตามีน ยาขยายหลอดลม ซึ่งเป็นยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการ แต่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ คนที่มีอาการภูมิแพ้ต่อเนื่องจึงมักได้ได้รับการรักษาในระดับที่ 2 คือการใช้ยาต้านการอักเสบ เช่น ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก หรือสูดเข้าทางปาก และระดับที่ 3 คือการใช้วัคซีนภูมิแพ้ เป็นการรักษาโดยการฉีดสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในร่างกาย เริ่มจากปริมาณน้อยๆ และเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายเกิดความชินต่อสารก่อภูมิแพ้นั้น แต่อย่างไรก็ตามแพทย์จะพิจารณาและตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการแพ้สารอาหาร เพื่อจะได้เลือกแนวทางการรักษาที่ดีและเหมาะสมที่สุด
- การดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย นั่นคือการดูแลสุขภาพเด็กไม่ให้เครียด พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาร่างกายให้อบอุ่น และการออกกำลังกายจะทำให้อาการของโรคภูมิแพ้ดีขึ้น แต่ต้องเลือกชนิดการออกกำลังกายที่เหมาะสมและไม่ออกกำลังกายนานหรือหักโหมเกินไปด้วย
3.การป้องกันสารก่อภูมิแพ้ และอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี จากผลการวิจัยได้มีการสำรวจผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ในประเทศไทย มีการแบ่งชนิดของสารก่อภูมิแพ้ ออกเป็น 2 ประเภท ชนิดแรกเป็นสารก่อภูมิแพ้ในบ้าน ได้แก่ ไรฝุ่น ฝุ่นบ้าน และแมลงสาบ เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยเป็น 3 อันดับแรก ซึ่งทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะได้รับสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้เป็นประจำและต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น ในตอนนอน จะทำให้เด็กมีอาการเกือบทุกวัน
ส่วนชนิดที่สองเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่นอกบ้าน เช่น ละอองเกสรพืช วัชพืชต่างๆ เชื้อรา สารก่อภูมิแพ้ประเภทนี้จะทำให้เกิดอาการชั่วคราวเฉพาะเวลาที่ออกนอกบ้าน นอกจากสารก่อภูมิแพ้ดังกล่าวแล้ว ยังมีตัวกระตุ้นทางกายภาพอีกที่ทำให้เกิดการอักเสบของโพรงจมูกหรือหลอดลม เช่น ความเย็น ความร้อน ความชื้น ความกดอากาศที่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างง่ายๆ เช่น การที่เด็กมีอาการทุกครั้งก่อนหรือหลังฝนตก ส่วนประเภทสุดท้าย เป็นสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำหอม สีทาบ้าน ควันไฟ กลิ่นสารเคมี กลิ่นธูป
ฉะนั้นเมื่อสารก่อภูมิแพ้ คือตัวการกระตุ้นให้เกิดการแพ้ได้มากที่สุด การป้องกันโรคภูมิแพ้ที่ดีที่สุด คือการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เช่น หากลูกแพ้ไรฝุ่น ควรจะซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนและผ้าห่มด้วยความร้อน ร่วมกับการซักด้วยผงซักฟอก ถ้ามีเครื่องซักผ้าชนิดตั้งความร้อนได้ก็ให้ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 60 องศา 30 นาที บนเตียงนอนและในห้องนอนไม่ควรมีตุ๊กตาผ้า หนังสือ หรือของเล่นสะสมฝุ่น หมั่นเช็ดทำความสะอาดบ้าน ไม่ควรเลี้ยงสัตว์ในบ้าน เก็บขยะให้มิดชิดไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของแมลงสาบและผู้ใหญ่ในบ้านไม่ควรสูบบุหรี่
ป้องกันสารก่อภูมิแพ้ ต้นตอสำคัญทำลูกแพ้อากาศ
เพราะไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ส่วนใหญ่ มีขนาดเล็กมากจนมองไม่เห็นและกำจัดออกไปให้หมดได้ยาก จึงขอแนะนำวิธีการป้องกันสารก่อภูมิแพ้ไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายแบบใหม่ นั่นคือการใช้ สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง นาซัลลีซ ชิลเดรน อัลเลอจี บลอคเกอร์ ( Nasaleze Children Allergy Blocker) ช่วยเพิ่มเกราะป้องกันที่จมูก ลดความเสี่ยงอาการแพ้กำเริบให้ลูกได้ทุกวัน ด้วยนวัตกรรมที่นิยมใช้แล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
- ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100% มีส่วนประกอบของผงเซลลูโลส (HPMC) 97% และผงสตรอว์เบอร์รี่ 3% ป้องกันอาการภูมิแพ้หรือแพ้อากาศกำเริบได้อย่างปลอดภัยในเด็ก
- เปลี่ยนผงสเปรย์เป็นเจลใสในจมูก เพื่อดักจับและป้องกันไม่ให้สารก่อภูมิแพ้ในอากาศเข้าสู่เยื่อบุจมูกของลูกได้
- ผ่านการทดสอบทางคลินิกมากกว่า 35 การศึกษา ในผู้ป่วยมากกว่า 1,000 คน ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการทางการแพทย์ชั้นนำ รวมถึงได้รับรางวัลต่างๆ
- มีกลไกช่วยลดการแตกตัวของแกรนูลในแมสเซลล์ ลดการหลั่งฮีสตามีน สามารถป้องกันการเกิดอาการภูมิแพ้หรือแพ้อากาศได้
- ได้รับการแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ และเป็นส่วนหนึ่งในแนวทางการรักษาโรคภูมิแพ้มีผลการศึกษายืนยันประสิทธิภาพในการลดอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล
- ผลิตในประเทศอังกฤษ มาตรฐานระดับสากลจากสมาคมโรคภูมิแพ้แห่งสหรัฐอเมริกา (American Academy of Allergy Asthma & Immunology) ได้ระบุว่าเป็นตัวป้องกันสารก่อภูมิแพ้ (Allergen blocker) ได้
- ออกฤทธิ์เร็วภายใน 2 นาที พ่นเพียง 1 ครั้ง ป้องกันสารก่อภูมิแพ้ได้นาน 6 ชั่วโมง พ่นวันละ 2-3 ครั้ง หรือทุก 6-8 ชั่วโมง จะช่วยป้องกันสารก่อภูมิแพ้ในอากาศเข้าสู่เยื่อบุจมูกลูกได้ตลอดวัน
- อ่อนโยนปลอดภัยต่อเด็ก ไม่มีส่วนผสมของยา ไม่มีผลข้างเคียง ไม่ทำให้ง่วงนอน ใช้ได้กับลูกวัย 18 เดือนขึ้นไป คุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่ให้นมบุตร
- ผ่านการตรวจสอบ ได้รับใบอนุญาตโฆษณาเครื่องมือแพทย์จาก อย. เลขที่ ฆพ.673/2564
- มีใบอนุญาตนำเข้าเครื่องมือแพทย์ เลขที่ GBR6304847
- ใช้ร่วมกับยาพ่นจมูกสเตียรอยด์ได้ เพื่อป้องกันสารก่อภูมิแพ้เข้าไปกระตุ้นเพิ่มและเสริมประสิทธิภาพยาพ่นจมูก ในระยะยาวจะช่วยลดการใช้ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์ลงได้
#ติดเชื้อทางเดินหายใจ #หวัด #ไข้หวัดใหญ่
#Nasaleze #นาซัลลีซ #สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง #NasalezeAllergyBlocker #AllergyBlocker
#สเปรย์พ่นจมูกดักจับสารก่อภูมิแพ้ #MadeInEngland #เพิ่มการ์ด #ExtraProtection #นวัตกรรมใหม่ #innovation #ภูมิแพ้ #สารก่อภูมิแพ้
#แพ้ไรฝุ่น #แพ้ขนสัตว์ #แพ้เกสรดอกไม้ #แพ้อากาศ #ตัวช่วยห่างไกลภูมิแพ้#ป้องกันภูมิแพ้ตั้งแต่จมูก #บอกลาภูมิแพ้ #ลาออกจากการเป็นภูมิแพ้ #เกราะป้องกันภูมิแพ้
#หวัดป้องกันได้ #เชื้อโรคลอยในอากาศ#นาซัลลีซ #สเปรย์พ่นจมูก #ไม่ใช่ยา #ดักจับเชื้อโรค
#นาซัลลีซทราเวล #ExtraProtection #Germblocker #Invisible_mask #ป้องกันดีกว่ารักษา
Line : @nasaleze (มี@ ด้านหน้าด้วยนะคะ) หรือ คลิก https://lin.ee/Iy3ufdh