เห็นข่าวมีไวรัสกลายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดในแถบประเทศแอฟริกา แถมยังเริ่มมาเอเชียและยุโรปแล้ว ทุกคนก็คงจะหวั่นๆ ว่าจะมาถึงไทยเมื่อไร ที่สำคัญยังมีข้อมูลที่น่ากลัวกว่านั้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญบอกว่าไวรัสแพร่ในห้องแอร์และรถโดยสารได้มากกว่าที่รู้กัน แบบนี้…ยิ่งต้องระวังป้องกันตัวเองสุดๆ
เชื้อกลายพันธุ์ใหม่ อาจร้ายกว่าเดลต้า
โควิดคงจะอยู่บนโลกเราอีกนาน และมีแนวโน้มกลายพันธุ์จนอาจเพิ่มความน่ากลัว ทั้งการติดเชื้อแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าเดิม การหลบหนีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้ แถมยังไม่รู้ว่าจะทำให้ร่างกายคนเรามีอาการรุนแรงมากขึ้นเมื่อติดเชื้อได้หรือไม่ ซึ่งข่าวล่าสุดบอกว่า ประเทศในแถบยุโรป มีการระงับเที่ยวบินของผู้โดยสารที่เดินทางมาจาก 6 ชาติทางใต้ของทวีปแอฟริกา ประกอบด้วย แอฟริกาใต้ นามิเบีย เลโซโท บอตสวานา เอสวาทินี (Eswatini) และ ซิมบาบเว หลังจากแอฟริกาใต้พบเชื้อกลายพันธุ์ใหม่โควิด-19 ที่เรียกว่า B.1.1.529 หรือโอไมครอน (Omicron) ซึ่งมีการกลายพันธุ์จำนวนมาก ในขณะที่อิสราเอลห้ามพลเมืองเดินทางไปยังภูมิภาคดังกล่าวและงดไม่ให้นักเดินทางจากพื้นที่แถบนี้เข้าประเทศเช่นกัน รวมถึงมีการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากประเทศโซนเหล่านี้อีกด้วย
ขณะนี้นักวิชาการและองค์กรด้านสาธาณสุขต่างๆ ให้ความสนใจ และมีการเตือนเรื่องเชื้อไวรัสพันธุ์ใหม่นี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เปิดเผยว่ากำลังจับตาไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.1.529 หรือโอไมครอน (Omicron) ที่พบในประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ท้องถิ่นพบการกลายพันธุ์ที่โปรตีนหนาม (spike protein) มากถึง 32 ตำแหน่ง และยังมีข้อบ่งชี้เบื้องต้นที่ว่า เจ้าไวรัสตัวนี้อาจแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าเชื้อกลายพันธุ์เดลตา และวัคซีนที่เรามีในปัจจุบันอาจมีประสิทธิภาพลดลงในการรับมือกับมัน โดยเจ้าโควิดตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้ สันนิษฐานว่ามีต้นตอมาจากแอฟริกาใต้ และเป็นตัวการสำคัญเบื้องหลังของจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น และตรวจพบในนักเดินทางจากแถบนั้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์มีความกังวลอย่างมาก ในหลายประเทศจึงเริ่มมีมาตรการป้องกันไว้ก่อน
ร้านเปิดแอร์ รถโดยสาร เชื้อแพร่กระจายในอากาศได้ง่าย
ในบ้านเรานอกจากการเปิดประเทศเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนแล้ว ยังมีการเปิดห้างสรรพสินค้า เปิดร้านอาหารให้นั่งทานได้ ซึ่งแม้ว่าจะมีมาตรการและแนวทางป้องกันตัวเอง ทั้งใส่หน้ากากอนามัย และ เว้นระยะห่างทางสังคม แต่มีผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดที่มากขึ้น
เนื่องจากเชื้อไวรัส สามารถแพร่ในห้องแอร์ขนาดเล็ก ห้องแอร์ในห้าง และในรถโดยสารได้มากมายกว่าที่คิด ซึ่งมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ที่ให้ยืนห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายถึงกันได้ อาจใช้ไม่ได้กับพื้นที่ห้างสรรพสินค้า เพราะระบบปรับอากาศภายในห้างสรรพสินค้าไม่ได้ถูกออกแบบให้อากาศถ่ายเท ไม่มีการดูดอากาศจากด้านนอกเข้ามาหมุนเวียน หมายความว่า หากมีคนติดเชื้อโควิด-19 อยู่ภายในห้าง อากาศที่มีเชื้อโควิด-19 อยู่ก็อาจหมุนเวียนไปยังพื้นที่อื่น ซึ่งคนที่อยู่ในพื้นที่นั้นก็อาจสูดอากาศเข้าไปและเสี่ยงติดโควิด-19ได้
ส่วนในร้านอาหารถือว่าเป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด แม้ว่าจะมีมาตรการให้นั่งโต๊ะละ 1 คน รวมถึงมีแผงกั้นระหว่างบุคคล แต่ในระหว่างทานอาหารทุกคนต้องถอดหน้ากากอนามัย เมื่ออากาศไม่ถ่ายเท ก็ทำให้มีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น เพราะจุดที่เสี่ยงที่สุดก็คือจุดที่หน้ากากอนามัยไม่ได้ใช้ ตรงไหนที่ไม่ได้ใช้หน้ากากอนามัยตรงนั้นเสี่ยงอันตรายที่สุด ซึ่งก็คือจุดที่ทานข้าวเราต้องเอาหน้ากากอนามัยออกก็จะเสี่ยง โดยกลุ่มวิศวกรออกแบบเครื่องปรับอากาศ ได้แนะนำว่าร้านอาหารติดแอร์ขนาดเล็ก ควรต้องมีการเปิดประตูระบายอากาศให้ถ่ายเท ประมาณ10 ครั้ง ต่อชั่วโมง จึงจะถือว่าปลอดภัยจากการแพร่เชื้อโรค ซึ่งแนวทางนี้ต้องยอมรับว่าศูนย์การค้าขนาดใหญ่ไม่สามารถทำได้
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังได้ยกตัวอย่างรายงานจากประเทศจีนเรื่องการติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างรับประทานอาหารในร้านที่เปิดเครื่องปรับอากาศ พบว่าหากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 นั่งอยู่ที่โต๊ะกลาง มีโอกาสที่คนที่นั่งโต๊ะถัดไปทั้งด้านซ้ายและขวาจะติดโควิด-19 ได้ด้วย เพราะอากาศหมุนเวียนไม่ได้ ไม่มีการถ่ายเทอากาศออกไปด้านนอก รวมถึงสถานที่อื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน ก็จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายเช่นกัน อาทิ รถโดยสารปรับอากาศ ซึ่งรายงานจากประเทศจีน ระบุว่า หากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 นั่งอยู่ที่ด้านหลังรถ ก็จะมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อให้กับคนอื่นๆ ในรถผ่านทางอากาศได้ถึง 7 คน
อีกหนึ่งการศึกษาในประเทศจีนที่เมืองกวางเจาในภัตตาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งการวิจัยนี้ได้ตีพิมพ์ในวารสารทางการของสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลาทานข้าวแล้วถอดหน้ากากออก ซึ่งในภัตตาคารนั้นมีโต๊ะจีนอยู่ 15 โต๊ะ ร้านอาหารนี้เป็นระบบปิดเปิดแอร์หลายตัว ที่โต๊ะหนึ่งมีคน ๆ หนึ่งที่ไม่มีอาการแต่มีเชื้อโควิด-19 มานั่งทานอาหารโต๊ะแถวแรก ทานเสร็จแยกย้ายกันกลับไป มาทราบทีหลังว่ามีเชื้อปรากฏว่าใน 15 โต๊ะพบผู้ติดเชื้อ 10 คนใน 3 โต๊ะ ซึ่งผู้ที่ตรวจพบติดเชื้อนั้น อยู่ในแนวของลมที่เป่าจากแอร์ตัวเดียวกัน และแค่พูดคุยธรรมดา ไม่ได้ไอ จาม แต่ละอองที่มีเชื้อไวรัสนั้นถูกลมพัดไปไกลกว่าปกติได้ถึง 2-4 เมตร ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่เราควรทำเวลานั่งทานอาหารคือ พยายามหลีกเลี่ยงการนั่งในจุดที่มีลมแรงหรือลมจากแอร์พัดลงมาโดยตรง และช่วงการทานอาหารควรใช้เวลาทานให้สั้นที่สุด เวลาทานอาหารเคี้ยวปิดปาก ทานอาหารเสร็จรีบใส่หน้ากากอนามัย สรุปคือใส่หน้ากากอนามัยให้นานที่สุด เปิดหน้ากากอนามัยให้น้อยที่สุดไม่ควรเกิน 30 นาที รวมถึงร้านอาหารขนาดเล็กนอกห้างฯ หากติดแอร์จะมีความเสี่ยงสูงสุด แต่ถ้าเปิดหน้าต่างให้ลมผ่านก็จะมีความเสี่ยงน้อยลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับระยะห่างในการนั่ง และปัจจัยอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้แนวทางป้องกันที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำคือให้ซื้อกลับไปทานที่บ้าน ส่วนร้านอาหารควรจะต้องจัดที่นั่งให้ห่างกัน 2 เมตร ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องเอาฉากมากั้น ควรเปิดลมเครื่องปรับอากาศให้เบา ตั้งอุณหภูมิให้เย็นได้ แต่อย่าให้ลมแอร์เป่าออกมาแรงซึ่งจะช่วยในการลดการแพร่กระจายได้บ้าง เพราะลมที่เบาจะพัดพาเชื้อไปได้ไม่ไกลนั่นเอง
ฉะนั้นไม่ว่าจะกินข้าว หรือเดินห้างและเดินทางไปที่ไหน ก็ยิ่งต้องระวังและป้องกันตัวเองไว้ตลอดเวลา ไม่การ์ดตกเด็ดขาด เพราะเชื้อโรคร้ายแพร่ในอากาศได้ตลอดเวลา เรียกว่าการใช้ชีวิตวิถีใหม่ที่ต้องใส่หน้ากาก พกสเปรย์หรือเจลแอลกอฮอล์ การป้องกันตัวเองจะต้องทำต่อเนื่องไปอีกยาวนาน ซึ่งกรมควบคุมโรคก็ยังแนะนำให้ประชาชนทุกคนเคร่งครัดในการป้องกันตัวเองต่อไปจนกว่า โควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น แม้จะมีวัคซีนแล้วก็ต้องระมัดระวังป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อเสมอ
เพิ่มการ์ดที่จมูก ลดความเสี่ยงติดเชื้อในอากาศ
เมื่อไวรัสร้ายกลายพันธุ์และเรายังต้องเผชิญกับมัน โดยที่มองไม่เห็น เราจึงต้องป้องกันทุกเชื้อโรคร้ายไม่ให้เข้าสู่ร่างกายจนก่อให้เกิดโรคได้ง่าย แม้ว่าเราจะรับวัคซีนกันแล้ว ก็ยังติดเชื้อได้ ฉะนั้นจะดีกว่าไหมถ้าเราจะป้องกันตัวเองสูงสุดทุกช่องทาง ไม่ให้เชื้อไวรัสอันตรายทำร้ายเราได้ตั้งแต่แรก ด้วย “สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง นาซัลลีซ ทราเวล” (Nasaleze Travel) ป้องกันไวรัสอันดับหนึ่งจากประเทศอังกฤษ นวัตกรรมใหม่ที่ใช้ป้องกันไวรัสในอากาศได้ทุกที่ตลอดเวลา ด้วยคุณสมบัติพิเศษในการสร้างเกราะป้องกันไวรัสและลดความรุนแรงของโรคติดเชื้อจากไวรัสได้
- ผลิตจากสารสกัดจากธรรมชาติ HPMC หรือผงเซลลูโลส ผงกระเทียมป่ายุโรป และผงเปเปอร์มินท์ ที่เปลี่ยนเป็นเจลในโพรงจมูก ช่วยดักจับและป้องกันไวรัสที่แพร่กระจายในอากาศ ไม่ให้เข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูก
- ป้องกันไวรัสไม่ให้เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ป้องกันการติดเชื้อ และทำให้ไวรัสมีฤทธิ์ที่อ่อนลง ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อรุนแรง
- มีผลการศึกษายืนยันประสิทธิภาพในการป้องกันไข้หวัด ช่วยลดระยะเวลาเจ็บป่วย และลดความรุนแรงทั้งไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ได้
- ผ่านการทดสอบทางคลินิก ไม่มีส่วนผสมของยา ไม่มีผลข้างเคียง
- อ่อนโยน ปลอดภัย ใช้ได้ตั้งแต่เด็กวัย 3 ปีขึ้นไป คุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ให้นมบุตร และผู้สูงอายุ
- พ่นเพียง 1 ครั้ง ออกฤทธิ์เร็วใน 2 นาที มีประสิทธิภาพป้องกันได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมง พ่นวันละ 2-3 ครั้ง จะสามารถป้องกันได้ตลอดทั้งวัน
- ใช้ง่าย เพียงแค่เปิดฝา – เขย่า -พ่น –เช็ด และมีขนาดเล็กพกพาสะดวกทุกที่ เพื่อป้องกันไวรัสที่แพร่กระจายในอากาศ ทั้งขณะอยู่บ้าน ที่ทำงาน เดินทาง เมื่อต้องโดยสารขนส่งสาธารณะต่างๆ ทั้งเครื่องบิน รถไฟ และรถโดยสารประจำทาง โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่ในห้องแอร์ ร้านอาหารหรือสถานที่อื่นๆ
- คุ้มค่าใช้ได้นาน 1 ขวด สามารถเก็บไว้ใช้ได้ ถึงประมาณ 200 ครั้ง
- ผ่าน อย. 40 ประเทศ มีเลขที่ใบอนุญาตโฆษณา และมีเอกสารรับรองการจดทะเบียน
- มียอดขายกว่า 20 ล้านขวด ใช้แล้วในมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
#ติดเชื้อทางเดินหายใจ #หวัด #ไข้หวัดใหญ่
#หวัดป้องกันได้ #เชื้อโรคลอยในอากาศ
#นาซัลลีซ #สเปรย์พ่นจมูก #ไม่ใช่ยา #ดักจับเชื้อโรค
#นาซัลลีซทราเวล #ExtraProtection #Germblocker #Invisible_mask #ป้องกันดีกว่ารักษา
Line : @nasaleze (มี@ ด้านหน้าด้วยนะคะ) หรือ คลิก https://lin.ee/Iy3ufdh