รู้ไหมว่าในบ้านนี่เองคือแหล่งสะสมซ่อนสารก่อภูมิแพ้ จนเด็กๆ และคนในครอบครัวมีอาการกำเริบไม่หาย ทั้งจาม คัดแน่นจมูก น้ำมูกไหล ดังนั้นต้องรีบกำจัดสารก่อภูมิแพ้ให้หมดไป พร้อมกับเพิ่มเกราะที่จมูกไว้ เพื่อให้ลูกรักและคนในครอบครัวแข็งแรงปลอดภัยห่างไกลอาการแพ้

สารก่อภูมิแพ้ (Allergens) คืออะไร?

               สารก่อภูมิแพ้ เป็นสารที่กระตุ้นให้เกิดปฎิริยาทางภูมิคุ้มกัน และส่งผลให้เกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นในคนที่มีความไวต่อสารนั้นๆ  แต่ไม่ทำให้เกิดอาการหรือเป็นอันตรายต่อคนทั่วไป สารก่อภูมิแพ้มีอยู่ทั้งในอากาศ ในฝุ่นละอองตามบ้าน รวมถึงในอาหารและยา ซึ่งอาการแพ้มีได้หลายแบบขึ้นอยู่กับชนิดของสารก่อภูมิแพ้ และลักษณะจำเพาะของคนที่แพ้แต่ละคน เช่น บางคนมีอาการจาม น้ำมูกไหล  บางคนคันตา คันจมูก คัดแน่นจมูก หายใจลำบาก หรือบางคนมีอาการผื่นคันตามผิวหนัง อาเจียน ถ่ายเป็นมูกเลือด เป็นลม หมดสติ และช็อกได้ ดังนั้นปัจจัยสำคัญในการรักษาภูมิแพ้ คือการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เพื่อลดอาการของโรค

               โดยสารก่อภูมิแพ้ที่เรามักจะต้องเผชิญอยู่ทุกวันโดยที่ไม่มองไม่เห็น คือสารก่อภูมิแพ้ในอากาศที่มีอยู่รอบตัวทุกคน เพราะมีทั้งสารก่อภูมิแพ้ในที่อยู่อาศัยหรือในบ้านเราทั่วไป ที่พบมากได้แก่ ไรฝุ่น ขนสัตว์เลี้ยง แมลงสาบ ฝุ่นละออง เชื้อรา และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศที่อยู่นอกบ้าน ได้แก่ ละอองเกสรของพืชจากต้นไม้ดอกไม้ สปอร์ของเชื้อราและหญ้า  แต่ที่ทำให้คนเราเกิดปัญหาภูมิแพ้ได้มากที่สุด คือสารก่อภูมิแพ้ที่ซุกซ่อนอยู่ในบ้านในจุดที่เราไม่ได้ใส่ใจหรือนึกไม่ถึง แถมยังต้องนอนนั่งๆ อยู่ด้วยทุกวันตลอดเวลา ทำให้คนที่เรารักป่วยไม่สบายจากอาการภูมิแพ้จมูกอักเสบ หรือแพ้อากาศ มีอาการจาม น้ำมูกไหล คัดแน่นจมูกเป็นประจำไม่หายสักที นั่นคือ ไรฝุ่น ไม่ว่าจะเป็นจากตัวไรฝุ่น มูลของไรฝุ่น ซากไรฝุ่นที่ตายแล้ว ฝุ่นละอองที่สะสม ตลอดจนขนสัตว์เลี้ยงของน้องแมวหรือน้องหมา และแมลงสาบที่อยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญทำให้เป็นภูมิแพ้

ดังนั้นหากเรารู้สาเหตุและจุดที่สะสมไรฝุ่น หรือสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ในบ้านไว้จะช่วยให้สามารถจำกัดและป้องกันได้ถูกต้อง ไม่ให้ลูกรักและคนในบ้านต้องมาทนทุกข์กับอาการแพ้ต่างๆ จนเหมือนป่วยตลอดเวลา แถมยังทำให้บ้านสะอาด ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรงและสุขอนามัยที่ดีขึ้นด้วย ไปดูกันว่าในบ้านของเรามีจุดที่ซ่อนสารก่อภูมิแพ้อยู่ที่ไหน เพื่อจะได้กำจัดได้มากขึ้น   

7 จุดซ่อนภูมิแพ้ ที่แท้อยู่ในบ้าน

1. ที่นอน หมอน ผ้าห่ม เพราะภูมิแพ้เกิดได้ในห้องนอน เป็นภัยร้ายใต้หมอนใต้ผ้าห่ม เนื่องจากเวลาที่เรานอนหลับห่มผ้า ทั้งที่นอน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม จะมีเซลล์ผิวหนังของเราที่ตายแล้วติดอยู่จากเซลล์ผิวหนังที่ผลัดทิ้งไว้ ซึ่งเป็นอาหารชั้นดีของเจ้าไรฝุ่น แล้วรู้หรือไม่ว่า…ใน 1 วัน ผิวหนังมนุษย์จะถูกผลัดเซลล์ออกมาถึง 1.5 กรัม ซึ่งสามารถเลี้ยงไรฝุ่นได้ถึง 1 ล้านตัว(ข้อมูลจาก https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/july-2020/dust-mites-allergy) ซึ่งในคนที่แพ้ไรฝุ่น เมื่อหายใจเอาอากาศที่มีไรฝุ่นเข้าไปจะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ขึ้นในระบบทางเดินหายใจได้ โดยอาการของคนที่เป็นภูมิแพ้ไรฝุ่น ที่พบบ่อย ได้แก่ คัดแน่นจมูก คันจมูก จาม น้ำมูกไหล คันตา แสบตา เคืองตา น้ำตาไหลคันคอ ไอ คันผิวหนัง ผิวหนังเป็นผื่น  ดังนั้นจึงต้องจัดการที่ต้นเหตุด้วยการกำจัดไรฝุ่นตามเครื่องนอนเหล่านี้ให้น้อยที่สุด ด้วยการหมั่นซักทำความสะอาดด้วยน้ำร้อนประมาณ 60 องซาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 30 นาที อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อฆ่าไรฝุ่นและนำไปตากแดด ใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่น ควรนำเครื่องนอนออกตากแดดจัดๆ ทุกสัปดาห์ อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที  รวมถึงหากทำได้ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนที่ทำมาจากผ้ากันไรฝุ่น หรือผ้าที่มีเส้นใยถี่แน่น มีรูห่างของผ้าทอเล็กมาก ซึ่งสามารถลดการเล็ดลอดของไรฝุ่นออกมาได้
2. เฟอร์นิเจอร์บุนวม เป็นแหล่งซ่อนตัวชั้นดีของไรฝุ่นและเชื้อโรค เพราะด้านในของเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้จะมีฟองน้ำและผ้าหุ้มอยู่ซึ่งทำให้ไรฝุ่นสะสมอยู่ด้านในจำนวนมาก แถมยังทำความสะอาดหรือนำไปตากแดดได้ยากอีกด้วย ดังนั้นหากมีเฟอร์นิเจอร์บุนวม อาจต้องหมั่นเช็ดด้วยชุบน้ำไม่ให้ฝุ่นสะสม อาจใช้สเปรย์ฆ่าไรฝุ่น หมั่นดูดฝุ่น และหากทำได้ควรนำไปตากแดดบ้าง หรือหากเป็นไปได้อาจย้ายเฟอร์นิเจอร์ไปอยู่ในห้องที่โปรง โดนแสงแดด ไม่อยู่ในห้องนอนเพราะจะยิ่งทำให้เวลานอนต้องสูดสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นทำให้อาการแพ้กำเริบยิ่งขึ้นได้
3. ห้องน้ำ ห้องครัว เนื่องจากห้องน้ำเป็นห้องที่มีน้ำขังทำให้มีความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสมกับเชื้อรา จึงทำให้มีเชื้อราซุกซ่อนอยู่ตามมุมหรือของใช้ต่างๆ หากห้องน้ำไม่แห้งสะอาดเพียงพอ นอกจากนี้ห้องครัวก็เป็นอีกห้องที่มีการปรุงอาหาร ล้างผัก ล้างจานและใช้น้ำ ทำให้มีความชื้นสะสมอยู่มาก และนอกจากเชื้อรา ฝุ่น และสิ่งสกปรกแล้ว ยังเสี่ยงมีเชื้อโรคอื่นๆ อยู่ร่วมอีกด้วย ฉะนั้นจึงต้องหมั่นล้างทำความสะอาดทั้งห้องน้ำและห้องครัว ให้มีความแห้งสะอาด เครื่องมือเครื่องใช้ต้องแห้งสะอาด เก็บให้เหมาะสมไม่สะสมสิ่งสกปรก ความชื้นและเชื้อโรคด้วยเช่นกัน
4. กระถางต้นไม้ นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนมองข้ามเพราะคิดว่าไม่มีอะไร แต่ในกระถางต้นไม้ที่อยู่ในบ้านนั้น เป็นที่สะสมความชื้นของดินที่ถูกรดน้ำ แถมยังอาจมีใบไม้ดอกไม้ที่แห้งเหี่ยวเน่า และมีราขึ้นได้ ดังนั้นหากไม่จำเป็นไม่ควรนำต้นไม้ไว้ในห้องนอน และควรหมั่นดูแลไม่ให้มีใบไม้เน่า ชื้น โดยเก็บใบไม้ทิ้ง และคอยสังเกตไม่ให้มีเชื้อราที่ดินและต้นไม้ เพราะจะเป็นตัวสะสมสารก่อภูมิแพ้จนทำให้คนในบ้านมีอาการภูมิแพ้มากขึ้นได้
5. ตุ๊กตา ของเล่นเด็ก หนังสือ ตุ๊กตาผ้า ตุ๊กตาที่มีขน ก็เป็นตัวสะสมฝุ่น ไรฝุ่น และเชื้อโรคเป็นอย่างดี ของเล่นเด็กนั้นก็เป็นแหล่งของเชื้อโรคต่างๆ และฝุ่น หากไม่ได้รับการทำความสะอาดให้ดี ส่วนหนังสือก็เป็นที่สะสมทั้งไรฝุ่น ฝุ่นละอองเล็ก และเหาหนังสือ ซึ่งเป็นสัตว์ขนาดเล็กเล็ก มีสีเหลืองน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลเข้ม  ซึ่งทั้งหมดก็เป็นสารก่อภูมิแพ้ตัวร้ายที่ทำให้ทุกคนในบ้านมีอาการแพ้กำเริบได้
6. พรม ผ้าเช็ดเท้า ล้วนเป็นที่สะสมของไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ได้มากที่สุด เพราะส่วนใหญ่นานๆ ทีแต่ละบ้านจะนำมาทำความสะอาดหรือซัก รวมถึงในบางครั้งพรมบางชนิดยังซักได้ยาก ดังนั้นหากไม่จำเป็นไม่ควรใช้พรมในบ้านของคนที่เป็นภูมิแพ้ หรือหมั่นทำความสะอาดด้วยการดูดฝุ่นพรม ซักผ้าเช็ดเท้าและตากแดดเป็นประจำ ก็จะทำให้ลดจำนวนไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ลงได้
7. สัตว์เลี้ยง ทั้งน้องแมว น้องหมา หรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ มีสารก่อภูมิแพ้ที่สามารถกระตุ้นอาการภูมิแพ้ให้กำเริบได้ทั้งระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง โดยส่วนใหญ่เด็กและผู้ใหญ่จะมีอาการแพ้ขนของสัตว์เลี้ยง และแพ้เศษผิวหนังที่หลุดลอกออกมาของสัตว์เลี้ยง เนื่องจากจะมีโปรตีนจากสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยงที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้

สร้างเกราะที่จมูก หยุดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ

เพราะแค่การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์หรือของใช้ในบ้านอาจไม่เพียงพอ เพราะบ้านที่เราอยู่อาศัยมีซอกมุมที่สะสมสิ่งสกปรกมากมาย แถมยังมีสิ่งสกปรกและฝุ่นต่างๆ อยู่ทุกวัน แม้จะดูดฝุ่นบ่อย ซักเครื่องใช้และตากแดดมากแค่ไหน ก็ยังมีสารก่อภูมิแพ้อยู่ในอากาศรอบตัวได้อยู่ดี  แต่ลูกรักและคนในบ้านจะมั่นใจว่าห่างไกลจากสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่านี้ ถ้ามี สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง นาซัลลีซ ชิลเดรน อัลเลอจี บลอคเกอร์ ( Nasaleze Children Allergy Blocker) และ นาซัลลีซ อัลเลอจี บลอคเกอร์ ( Nasaleze Allergy Blocker)  เพิ่มการ์ดที่จมูกด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ มีประสิทธิภาพในการป้องกันสารก่อภูมิแพ้ไม่ให้เข้าสู่เยื่อบุจมูกได้จริง

• – ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100% มีส่วนประกอบของผงเซลลูโลส (HPMC) 97% และผงสตรอว์เบอร์รี่ 3% ในนาซัลลีซ ชิลเดรน อัลเลอจี บลอคเกอร์ และ HPMC 98.5% ผงเปเปอร์มินต์ 1.5% ในนาซัลลีซ อัลเลอจี บลอคเกอร์ มีประสิทธิภาพป้องกันสารก่อภูมิแพ้ในอากาศไม่ให้เข้าสู่เยื่อบุจมูก จนเกิดอาการแพ้กำเริบได้
• ช่วยสร้างเกราะป้องกันในจมูก โดยเปลี่ยนผงสเปรย์เป็นเจลใสในจมูก เพื่อดักจับและป้องกันไม่ให้สารก่อภูมิแพ้ในอากาศเข้าสู่เยื่อบุจมูกได้  
• มีกลไกช่วยลดการแตกตัวของแกรนูลในแมสเซลล์ ลดการหลั่งฮีสตามีน ทำให้สามารถป้องกันการเกิดอาการภูมิแพ้หรือแพ้อากาศได้
• ผ่านการทดสอบทางคลินิกมากกว่า 35 การศึกษา ในผู้ป่วยมากกว่า 1,000 คน และได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ชั้นนำหลายฉบับ รวมถึงได้รับรางวัลต่างๆ
• ได้รับการแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ และเป็นส่วนหนึ่งในแนวทางการรักษาโรคภูมิแพ้มีผลการศึกษายืนยันประสิทธิภาพในการลดอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล 
• ผลิตในประเทศอังกฤษ มาตรฐานระดับสากลจากสมาคมโรคภูมิแพ้แห่งสหรัฐอเมริกา (American  Academy of Allergy Asthma & Immunology) ได้ระบุว่าเป็นตัวป้องกันสารก่อภูมิแพ้ (Allergen blocker) ได้
• ออกฤทธิ์เร็วภายใน 2 นาที พ่นเพียง 1 ครั้ง สามารถป้องกันสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 6 ชั่วโมง  พ่นวันละ 2-3 ครั้ง หรือทุก 6-8 ชั่วโมง จะช่วยป้องกันสารก่อภูมิแพ้ในอากาศเข้าสู่เยื่อบุจมูกได้ตลอดทั้งวัน
• อ่อนโยนปลอดภัยต่อเด็ก ใช้ได้กับลูกน้อยวัยตั้งแต่ 18 เดือนขึ้นไป คุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่ให้นมบุตร ไม่มีส่วนผสมของยา ไม่มีผลข้างเคียง ไม่มีฤทธิ์ทำให้ง่วงนอน
• ผ่านการตรวจสอบและมีเอกสารรับรอง ได้รับใบอนุญาตโฆษณาเครื่องมือแพทย์จาก อย. เลขที่ ฆพ.673/2564
• มีใบอนุญาตนำเข้าเครื่องมือแพทย์ เลขที่ GBR6304847
• สามารถใช้ร่วมกับยาต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้อาการจมูกอักเสบภูมิแพ้รุนแรงหรือมีอาการแพ้อากาศเกิดขึ้นได้