หากสงสัยทำไมลูกรักเป็นหวัดน้ำมูกไหลไม่หายสักที บางวันก็คัดจมูก จามถี่ๆ หายใจฟื้ดฟ้าด น้ำมูกย้อย ทั้งที่อยู่ในบ้าน ขอบอกว่าอาการแบบนี้ไม่ใช่หวัด แต่ลูกน่าจะเป็นภูมิแพ้อากาศหรือภูมิแพ้จมูกอักเสบ ที่เจอสารก่อภูมิแพ้เมื่อไรมีอาการเมื่อนั้น แบบนี้อย่าปล่อยไว้ รีบป้องกันไม่ให้อาการแพ้กำเริบตั้งแต่วันนี้ดีที่สุด!

เช็ก ความแตกต่างของอาการภูมิแพ้และหวัด

               โรคหวัด (Common cold) หรือจมูกอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส (Viral rhinitis) มีสาเหตุที่พบได้บ่อยคือการที่ร่างกายมีภูมิต้านทานน้อยลง เช่น นอนหลับไม่เพียงพอหรือนอนน้อย เครียด ร่างกายอ่อนเพลีย สัมผัสกับอากาศเย็นหรืออากาศเปลี่ยน  เช่น นอนเปิดแอร์เย็นเกินไป ร่างกายโดนพัดลมเป่าจ่อ   ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่น หรือทำให้ร่างกายได้รับความอบอุ่นเพียงพอ   การดื่มน้ำเย็นมากเกินไป หรืออาบน้ำเย็น โดนฝนหรือตากฝน  ร่างกายสัมผัสกับอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น จากร้อนเป็นเย็น เย็นเป็นร้อน รวมถึงได้รับเชื้อจากคนรอบข้างที่ทำงานหรือคนใกล้ตัวที่บ้านที่กำลังป่วยไม่สบาย ทำให้ร่างกายมีการติดเชื้อไวรัส

โดยเฉพาะในเด็กที่ยังมีภูมิต้านทานที่ไม่แข็งแรง เมื่อติดเชื้อหวัดหรือร่างกายได้รับสาเหตุดังกล่าว จึงมีอาการป่วยต่างๆ แสดงออกมาเป็นอาการของโรคหวัด นั่นคือ มีไข้  อ่อนเพลีย  ปวดหรือมึนศีรษะ  คัดจมูก น้ำมูกไหล (มีทั้งน้ำมูกใส หรือน้ำมูกขุ่น)  ซึ่งเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัด มีหลายชนิดได้แก่ rhinovirus  influenza  parainfluenza  adenovirus  และคนที่ป่วยไม่สบายจากหวัดส่วนใหญ่มักจะหายได้เองภายใน 7 – 10 วัน โดยไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะได้ แค่เพียงดูแลร่างกายให้แข็งแรง อบอุ่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ  และปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องและเหมาะสม ยกเว้นกรณีหากลูกมีไข้ไม่ลดใน 24  ชม. มีไข้สูงเกิน  38 องศาเซลเซียส  ไอมาก  หายใจหอบเร็ว  ต้องรีบพาไปพบแพทย์ 

            โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ (Allergic rhinitis) หรือแพ้อากาศ คือโรคที่มีการอักเสบของเนื้อเยื่อในจมูก ที่มีการบวมแดง และมีเมือกภายในโพรงจมูกมากกว่าปกติ โดยสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจาก “ภูมิแพ้” ทำให้ผู้ป่วยมีอาการจาม  คันจมูก  น้ำมูกไหลออกมาทางจมูกหรือไหลลงคอ  คัดจมูก  คันเพดานปากหรือคอ นานมากกว่า 1 เดือนขึ้นไป ซึ่งอาการดังกล่าว มักจะมีอาการ เป็นๆ (เมื่อมีเหตุมากระตุ้น เช่น สารก่อภูมิแพ้) และหายๆ  (ไม่มีเหตุมากระตุ้น)  ฉะนั้นโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้จะมีอาการแก้แสดงออกมาได้ก็ต่อเมื่อต้องมีเหตุที่กระตุ้นมาก่อน เช่น สัมผัส หายใจหรือได้รับสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ เช่น ฝุ่น ควันไฟ ควันบุหรี่ ควันธูป ควันรถยนต์  ขนสัตว์ ไรฝุ่น อากาศที่เปลี่ยนแปลง กลิ่นของที่ฉุน โดยอาการแพ้จะเป็นมากขึ้นหลังได้รับการกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้หรือสารระคายเคืองทางเดินหายใจต่างๆ

               สำหรับคนที่เป็นจมูกอักเสบภูมิแพ้ หรือแพ้อาการ เมื่อถูกสารก่อภูมิแพ้กระตุ้นทำให้มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และอื่นๆ เมื่อได้รับยาแก้แพ้หรือไม่มีสารก่อภูมิแพ้กระตุ้น อาการดังกล่าวก็จะดีขึ้นเองได้  ซึ่งคนที่เป็นจมูกอักเสบภูมิแพ้ อาจมีประวัติเคยเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น เป็นโรคเยื่อบุตาอักเสบภูมิแพ้  โรคหืด โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้  ที่สามารถแสดงอาการแพ้ออกมาได้กับหลายระบบในร่างกาย  แต่สิ่งสำคัญคือหากเป็นจมูกอักเสบภูมิแพ้แล้วไม่รีบดูแลรักษาให้อาการดีขึ้น หรือปล่อยให้แพ้เรื้อรัง มีอาการกำเริบบ่อย อาจทำให้เกิดโรคร่วมหรือภาวะแทรกซ้อนในร่างกายที่อาจเป็นอันตรายได้ตามมา ทั้งโรคหืด ไซนัสอักเสบ ภาวะต่อมอะดีนอยด์โต และหูชั้นกลางอักเสบได้  

               โรคหวัดกับภูมิแพ้ ต่างกันแค่ไหน?

เพราะอาการภูมิแพ้จมูกอักเสบหรือแพ้อากาศ มีอาการใกล้เคียงกันมากกับโรคหวัด  จนหลายคนแยกไม่ได้ เราจึงมีคำแนะนำในการสังเกตอาการที่แตกต่างอย่างชัดเจนมาฝากคุณพ่อคุณแม่ เพื่อไม่ให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจผิด ให้ยาลูกผิด หรือให้ลูกต้องกินยาโดยไม่จำเป็น เพราะหากเป็นหวัดลูกจะไม่จำเป็นต้องใช้ยา ยกเว้นกรณีมีอาการรุนแรงผิดปกติมากขึ้นที่ต้องไปพบแพทย์  ตลอดจนนำเสนอวิธีป้องกันอาการภูมิแพ้จากสาเหตุ นั่นคือการสร้างเกราะในร่างกายให้ลูกโดยเฉพาะที่จมูก เพื่อไม่ให้ลูกต้องหายใจรับสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายหรือทางเดินหายใจ จนทำให้มีอาการจาม คัดแน่นจมูก น้ำมูกไหลกำเริบ จนแยกออกจากหวัดไม่ได้ ดังนี้

จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ เมื่อสัมผัสสารก่อภูมิแพ้แล้วจะมีอาการ

• จามบ่อย มีอาการคัดแน่นจมูก
• มีน้ำมูกใส
• ไม่ตัวร้อน  ไม่มีไข้
• ไม่ติดต่อกัน คือไม่มีการแพร่อาการแพ้ส่งต่อไปถึงผู้อื่น  (แต่สามารถติดต่อทางกรรมพันธุ์ได้)
• มีอาการคันคอ หรือบางรายอาจมีอาการหูอื้อร่วมด้วย
• เป็นๆ หายๆ  เป็นบ่อย
• มีระยะเวลาของโรคยาวนานมากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป

จมูกอักเสบจากไวรัสหรือหวัด เมื่อได้รับเชื้อหวัดต้องใช้เวลาฟักตัวนานกว่าจะเกิดอาการต่างๆ

• มีน้ำมูกข้น หรืออาจจะเป็นน้ำมูกใสได้ โดยช่วงแรกน้ำมูกจะใสแล้วค่อยๆ ข้นขึ้น
• ตัวร้อน มีไข้ได้
• ไม่มีอาการคันจมูก
• สามารถแพร่เชื้อติดต่อกับคนรอบข้างได้ง่าย ผ่านละอองฝอย การไอ การจาม
• มีอาการเจ็บคอ หรือ แสบคอ
• มีอาการเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ
• สัมผัสเชื้อโรคแล้วต้องใช้เวลาฟักตัวนานกว่าจะเกิดอาการ
• มีระยะเวลาของโรคประมาณ 3-10 วัน 

รู้จักการป้องกันที่แตกต่าง

แม้เด็กๆ กับการเป็นหวัดมักจะมาคู่กัน แต่หากคุณพ่อคุณแม่มีวิธีการป้องกันโรคหวัดให้ลูกน้อยได้อย่างดี รวมถึงสามารถป้องกันสารก่อภูมิแพ้และสาเหตุที่ลูกแพ้อากาศก่อนที่ลูกจะมีอาการกำเริบได้ ก็ถือว่าจะช่วยป้องกันไม่ให้ลูกรักป่วยไข้ได้ไม่ว่าจะเป็นโรคไหน ไม่ต้องกังวลสงสัยว่าลูกจาม น้ำมูกไหล คัดจมูก เพราะอะไรอีกต่อไปแล้ว   

หยุดหวัด! ด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก

ดูแลลูกรักเมื่อเป็นหวัด : โดยทั่วไปเมื่อเด็กเป็นหวัด จะใช้การดูแลตามอาการ นั่นคือ การเช็ดตัวลดไข้  โดยเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา  หากลูกเป็นหวัดมีน้ำมูกไหล  แนะนำให้ใช้ผ้านุ่มซับน้ำมูก  ในเด็กโตควรแนะนำให้ลูกสั่งน้ำมูกออกมาเองและเช็ดด้วยกระดาษชำระ หรือผ้าสะอาด  ล้างมือบ่อยๆ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อยู่ในอากาศอบอุ่น แต่หากลูกป่วยเป็นไข้หวัดแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์  มีน้ำมูกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว  มีไข้ร่วมกับขึ้นผื่น  เจ็บคอมาก กินอาหารได้น้อย มีอาการปวดหู  หรือหายใจหอบเหนื่อย หายใจแรง ไข้กลับมาสูง ไอมาก มีเสมหะมาก ควรรีบพาไปพบแพทย์

หยุดและป้องกันหวัดให้ลูกน้อย : เริ่มจากเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ลูกแข็งแรง ด้วยให้ลูกได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดต่อตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุขครบถ้วนตามวัย  ให้ลูกได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง  5  หมู่  ได้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่เพียงพอ  ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  ร่วมไปกับการให้ลูกได้เล่น ได้เคลื่อนไหว ได้สูดอากาศที่ดี  มีสิ่งแวดล้อมที่บริสุทธิ์  รวมถึงการรักษาร่างกายให้อบอุ่น  ดื่มน้ำสะอาดให้ได้อย่างน้อยวันละ  6-8  แก้ว  สวมหน้ากากอนามัย  ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ  ทุกครั้งก่อนกินอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ ดูแลสุขภาพอนามัย หมั่นทำความสะอาดของเล่นของใช้ หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ลูกอาจติดเชื้อโรคได้ง่าย เช่น  การไปเล่นคลุกคลี หรือสัมผัสกับเด็กหรือคนที่ป่วยเป็นหวัด  ไม่พาลูกไปในสถานที่แออัด มีมลพิษ  เช่น  ควันไฟ  ควันบุหรี่  และสถานที่มีอากาศร้อนจัดหรือเย็นจัด  ก็จะทำให้ลูกรักของคุณพ่อคุณแม่ห่างไกลจากโรคหวัดมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง  เติบโตสมวัยได้แต็มที่

 ดูแลลูกรักอย่างไร ให้หายจากภูมิแพ้!

– หยุด! สารก่อภูมิแพ้ไว้ ด้วยเกราะป้องกันที่จมูก  ขอแนะนำ สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง นาซัลลีซ ชิลเดรน อัลเลอจี บลอคเกอร์ (Nasaleze Children Allergy Blocker)

ที่จะช่วยสร้างเกราะป้องกันในจมูกลูก ป้องกันสารก่อภูมิแพ้ไม่ให้เข้าสู่จมูกลูกจนมีอาการกำเริบ ด้วยคุณสมบัติสุดพิเศษ

• ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ ผงเซลลูโลส (HPMC) 97% และผงสตรอว์เบอร์รี่ 3% ที่อ่อนโยนปลอดภัยต่อเด็ก
• ทำงานโดยการเปลี่ยนผงสเปรย์เป็นเจลใสในโพรงจมูก เพื่อดักจับและป้องกันไม่ให้สารก่อภูมิแพ้ในอากาศเข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูกของลูก จนเกิดอาการแพ้ได้
• มีกลไกช่วยลดการแตกตัวของแกรนูลในแมสเซลล์ ลดการหลั่งอิมมูโนโกลบูลินอีและฮีสตามีน ทำให้สามารถป้องกันการเกิดอาการภูมิแพ้หรือแพ้อากาศได้
• ผ่านการทดสอบทางคลินิกมากกว่า 30 การศึกษา มีผลการศึกษายืนยันประสิทธิภาพในการลดอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหลได้   
• มีความปลอดภัยสูง ไม่มีส่วนผสมของยา ไม่มีผลข้างเคียง ใช้ได้กับลูกน้อยตั้งแต่อายุ 18 เดือนขึ้นไป คุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ให้นมบุตร และผู้สูงอายุ
• ผลิตในประเทศอังกฤษ มาตรฐานระดับสากล มีจำหน่ายแล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และผ่าน อย.ไทย
• ออกฤทธิ์เร็วภายใน 2 นาที พ่นเพียง 1 ครั้ง สามารถป้องกันสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 6 ชั่วโมง  พ่นวันละ 2-3 ครั้ง หรือทุก 6-8 ชั่วโมง จะช่วยป้องกันสารก่อภูมิแพ้ในอากาศเข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูกลูกได้ตลอดทั้งวัน
• ใช้ร่วมกับยาพ่นจมูก หรือยารักษาอาการแพ้ได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและบรรเทาอาการให้ดีขึ้น
• ขนาดเล็ก พกพาง่าย ใส่กระเป๋าให้ลูกรักไปโรงเรียนเพื่อป้องกันสารก่อภูมิแพ้ระหว่างวันได้

– หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ทั้ง ฝุ่น กลิ่นแรงๆ ควัน มลพิษและอากาศไม่ดี เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกมีอาการภูมิแพ้หนักขึ้น และหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายลูกต้องเจอกับอากาศหรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงเฉียบพลัน เช่น ตากแดด ตากฝน เข้าและออกอากาศทั้งร้อนและเย็น

– หมั่นทำความสะอาดบ้าน กำจัดสารก่อภูมิแพ้ ดูดฝุ่นละออง ดูดไรฝุ่น เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนบ่อยๆ

– หมั่นออกกำลังกาย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคภัย รวมถึง “โรคภูมิแพ้” เพราะการออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้อาการภูมิแพ้อากาศค่อยๆ หายไป ช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย

– ให้ลูกรักนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ นอนเต็มที่และทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีน ผัก และผลไม้ ซึ่งเป็นเหมือนอาหารเสริมให้สุขภาพดีจากภายใน ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายลูกรักได้ดี

ลดใช้สเตียรอยด์ หยุดภูมิแพ้ แก้ด้วยสเปรย์พ่นจมูก

หากลูกเป็นโรคภูมิแพ้จมูก มีอาการจาม น้ำมูกไหลเป็นประจำไม่หายสักที จึงจำเป็นต้องมีการใช้ยาสเตียรอยด์  แต่การใช้ยาสเตียรอยด์ในเด็กต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากอาจมีผลเสียต่อร่างกาย ฉะนั้นจะดีกว่าไหม หากเราไม่เอายาสเตียรอยด์เข้าไปในร่างกายลูก แล้วใช้วิธีสร้างเกราะป้องกันสารก่อภูมิแพ้ให้ลูกอย่างปลอดภัยด้วยสเปรย์พ่นจมูกชนิดผง ที่สกัดจากธรรมชาติที่ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย แถมยังช่วยไม่ให้อาการภูมิแพ้จมูกของลูกกำเริบได้ด้วย

นาซัลลีซ อัลเลอจี บลอคเกอร์ ใช้สำหรับป้องกันการเกิดอาการภูมิแพ้หรือแพ้อากาศ ดังนั้นควรเริ่มใช้ นาซัลลีซ อัลเลอจี บลอคเกอร์ก่อนที่จะสัมผัสสารก่อภูมิแพ้เพื่อป้องกันไม่ให้สารก่อภูมิแพ้ในอากาศเข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูก ไปกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ต่างๆ นาซัลลีซ อัลเลอจี บลอคเกอร์ได้รับการพิสูจน์จากงานวิจัยทางคลินิก พบว่ามีประสิทธิภาพดีในกลุ่มผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ชนิดมีความรุนแรงน้อยถึงปานกลาง

นาซัลลีซ อัลเลอจี บลอคเกอร์ใช้เพื่อป้องกันอาการแพ้ก่อนเริ่มมีอาการ จึงไม่เหมือนยาที่ช่วยบรรเทาอาการ สามารถใช้ในการรักษาร่วมกับยา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรคภูมิแพ้หรือการแพ้อากาศ

ในกรณีที่ต้องใช้ยาพ่นทางจมูกอื่นร่วมด้วย ให้ใช้นาซัลลีซ อัลเลอจี บลอคเกอร์ภายหลังจากการใช้ยาพ่นจมูกอื่น เพื่อไม่ไห้เจลที่ดักจับในโพรงจมูกถูกทำลาย

เพื่อป้องกันโรคภูมิแพ้หรือการแพ้อากาศ ให้บีบพ่นนาซัลลีซ อัลเลอจี บลอคเกอร์วันละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้ประสิทธิภาพการป้องกันสารก่อภูมิแพ้ในอากาศเข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูกคงอยู่ตลอด

จากการศึกษาวิจัยพบว่า นาซัลลีซ อัลเลอจี บลอคเกอร์ สามารถป้องกันไม่ให้สารก่อภูมิแพ้ในอากาศเข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูกได้นานถึง 6 ชั่วโมง ต่อการบีบพ่น 1 ครั้ง* (Diethart/Emberlin Invitro study)

นาซัลลีซ อัลเลอจี บลอคเกอร์ เป็นตัวเดียวที่ทางสมาคมโรคภูมิแพ้แห่งสหรัฐอเมริกา (American Academy of Allergy Asthma & Immunology) ได้ระบุว่าเป็นตัวป้องกันสารก่อภูมิแพ้ (Allergen blocker) ได้