ติดเชื้อไวรัสป่วยว่าร้าย อาการหลังป่วยก็ยิ่งร้ายได้อีก! เพราะล่าสุดมีการวิจัยพบว่าคนที่เคยติดเชื้อไวรัสมาแล้ว มีอาการลองโควิด ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ในอีก 6 เดือน ฉะนั้นการป้องกันตัวเองทุกด้านขั้นสูดสุด ไม่ให้ตัวเองและครอบครัวต้องติดเชื้อ คือวิธีดีที่สุดเสมอ!!

ลองโควิดร้าย ทำป่วยได้หลายโรค

               เมื่อโควิดร้ายตัวยังแพร่กระจายต่อเนื่อง ทำให้ทั้งในประเทศไทยบ้านเราและต่างประเทศพบคนติดเชื้อกันมากมายอยู่ทุกวัน แถมอาการหลังติดเชื้อหรือลองโควิด ยังทำให้สุขภาพมีปัญหาตามมาอีก นอกจากอาหารป่วยไข้ไม่หาย ร่างกายไม่แข็งแรงยาวนาน มีอาการแขนขาอ่อนแรง ส่วนในเด็กหลังหายจากติดเชื้อก็เสี่ยงต่อการเกิดอาการ MIS-C หรือภาวะอักเสบทั่วร่างกายในเด็ก 

นอกจากนี้ยังมีข่าวล่าสุดที่เหล่านักร้องออกมาบอกว่า หลังติดเชื้อโควิดแม้จะหาย แต่อาการลองโควิดทำให้เสียงเปลี่ยนไป เสียงหาย และร้องเพลงได้ไม่ดีเหมือนเดิม เช่น อิน บูโดกัน, โบกี้ ไลอ้อน -พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ ที่ต่างได้รับผลกระทบจากอาการลองโควิด ที่ทำให้เกิดปัญหากล้ามเนื้อเส้นเสียงอ่อนแรง โดยมีอาการเจ็บคอออกเสียงลำบาก ทรมานเวลาพูดหรือร้องเพลง รู้สึกระบมในคอไม่หาย และมีเสียงแหบมาก ซึ่งคุณหมอตรวจพบและบอกว่าเป็นอาการที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้หลังติดเชื้อโควิค

 หลังติดเชื้อโควิด อาจเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตัน

               และไม่ใช่แค่อาการลองโควิดที่กล่าวไปแล้ว  เพราะมีข่าวการวิจัยจากประเทศสวีเดนที่ออกเผยพร่ทั่วโลกที่พบว่า โควิดนั้นสุดร้าย เพราะเสี่ยงทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้นาน 6 เดือนหลังติดเชื้อ  ข้อมูลนี้รายงานจากผลการศึกษาใหม่  โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Umea ในสวีเดน ลงในวารสารการแพทย์ BMJ  ที่พบความร้ายกาจของโควิด19  ซึ่งทำให้คนติดเชื้อ แม้จะป่วยไม่รุนแรง แต่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ปอด นานถึง 6 เดือน

               การศึกษาวิจัยครั้งนี้ ทีมนักวิจัยสวีเดนได้เปรียบเทียบข้อมูลของผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนกว่า 1 ล้านคน ที่ได้ลงทะเบียนกับทางการสวีเดนไว้ กับกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 4 ล้านคน พบว่าคนติดโควิด19 มีความเสี่ยงมากขึ้นในการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือดใหญ่ที่ปอด นานถึง 6 เดือนหลังจากติดเชื้อ  นอกจากนี้คนที่ติดเชื้อโควิด19 และเข้ารักษาในโรงพยาบาล ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะต่างๆ อาทิ

• ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก (DVT) ที่บริเวณขานานถึง 3 เดือน
• เสี่ยงเกิดภาวะเลือดออกภายในอย่างเช่น ภาวะสโตรก นานถึง 2 เดือน

               หากเปรียบเทียบความเสี่ยงของการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังติดโควิด-19 กับคนปกติ พบว่าคนติดเชื้อโควิด19

ใน 4 คน จากทุกๆ 10,000 ราย เกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึก (DVT) แต่เมื่อเทียบกับคนปกติ จะเกิดภาวะ DVT นี้ได้ใน 1 คน จาก 10,0000 รายเท่านั้น

               และในคนที่ติดเชื้อโควิด19 ประมาณ 17 คนในทุกๆ 10,000 ราย จะเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ปอด เมื่อเปรียบเทียบกับคนปกติ ที่จะเกิดภาวะนี้ได้ 1 คนในทุกๆ 10,000 ราย  ที่สำคัญคือ ความเสี่ยงของการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดในคนป่วยโควิด19 ที่อาการหนัก พบว่ามีความเสี่ยงสูงกว่าคนปกติถึง 290 เท่า แต่หากติดเชื้อโควิด19 แล้วอาการไม่รุนแรง จะเสี่ยงที่จะเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดสูงกว่าคนปกติ 7 เท่า  อย่างไรก็ตามนักวิจัยยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า โควิดทำให้ลิ่มเลือดก่อตัวหรือไม่ หรือเกิดได้อย่างไร แต่มีหลายทฤษฎีและข้อสันนิษฐานว่าทำไมจึงเกิดขึ้น อาทิ อาจเกิดจากผลโดยตรงของไวรัสต่อชั้นของเซลล์ที่เรียงตัวกันในหลอดเลือด หรือการตอบสนองต่อการอักเสบที่มากเกินไปต่อไวรัส รวมทั้งอาจเกิดจากร่างกายทำให้ลิ่มเลือดก่อตัวในเวลาไม่เหมาะสม

สุดท้ายนี้นักวิจัยยังกล่าวด้วยว่า วัคซีนคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้ความรุนแรงของอาการป่วยจากการติดเชื้อโควิด 19 ลดลง ดังนั้นทุกคนจึงควรจะได้รับวัคซีนเพื่อลดความเสี่ยงรุนแรงต่างๆ แม้วัคซีนจะป้องกันการติดเชื้อได้น้อย แต่ก็ยังช่วยให้ไม่เกิดอาการรุนแรงหรืออันตรายได้

เพิ่มการ์ดที่จมูก หยุดทุกเชื้อไวรัสร้าย

เมื่อการติดเชื้อโควิดส่งผลให้ร่างกายเจ็บป่วยได้มากมาย ดังนั้นเราจึงต้องป้องกันตัวเองและคนที่รักกันอย่างเคร่งครัดตลอดเวลา ด้วยการป้องกันไม่ให้ไวรัสร้ายเข้าสู่จมูกของเราจนติดเชื้อได้ และแค่การใช้หน้ากากอนามัยคงไม่เพียงพอกับการแพร่กระจายของไวรัสที่อยู่ในอากาศอย่างมากมายมหาศาลได้แน่นอน เราจึงขอแนะนำ สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง นาซัลลีซ ทราเวล (Nasaleze Travel) นวัตกรรมจากสารสกัดธรรมชาติ100%  ที่ช่วยดักจับและป้องกันเชื้อโรค และไวรัสที่แพร่กระจายในอากาศไม่ให้เข้าสู่เยื่อบุจมูก ทำให้ไวรัสมีฤทธิ์อ่อนลง และช่วยลดอาการรุนแรงของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจต่างๆ  เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ได้ เพราะมีคุณสมบัติพิเศษนั่นคือ

• ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100%  มีผงเซลลูโลส(HPMC) 93% จากเปลือกสนอังกฤษ  ผงกระเทียมป่ายุโรป 5% และผงเปเปอร์มิ้นท์ 2%
• สร้างเกราะให้จมูกโดยเปลี่ยนผงสเปรย์ให้เป็นเจลในจมูก เพื่อดักจับและป้องกันไวรัสในอากาศ ไม่ให้เข้าสู่เยื่อบุจมูก
• ผ่านการทดสอบทางคลินิกมากกว่า 35 การศึกษา ในผู้ป่วยมากกว่า 1,000 คน ยืนยันประสิทธิภาพสามารถทำให้เชื้อโรคและไวรัสมีฤทธิ์อ่อนลง ลดความเสี่ยงติดเชื้อรุนแรง ป้องกันไข้หวัด ช่วยลดระยะเวลาเจ็บป่วย ลดความรุนแรงของไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และไวรัสอื่นๆ ได้
• สามารถใช้ในการรักษาร่วมกับยา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่
• อ่อนโยน ปลอดภัย ไม่มีส่วนผสมของยา ไม่มีผลข้างเคียง ไม่มีฤทธิ์ทำให้ง่วงนอน สามารถใช้ได้ในเด็กวัย 3 ปีขึ้นไป ผู้สูงอายุ คุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร
• มีใบอนุญาตนำเข้าเครื่องมือแพทย์ เลขที่ GBR6304847
• ได้รับใบอนุญาตโฆษณาเครื่องมือแพทย์จาก อย. เลขที่ ฆพ.1059/2564
• ออกฤทธิ์เร็วใน 2 นาที พ่นเพียง 1 ครั้ง ป้องกันนาน 6 ชั่วโมง พ่นวันละ 2-3 ครั้ง ช่วยป้องกันไวรัสได้ทั้งวัน
• มาตรฐานระดับสากล ผลิตในประเทศอังกฤษ ใช้แล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
• ใช้ง่ายเพียงเปิดฝา เขย่า พ่นจมูกข้างละ1-2 ครั้ง และเช็ดทำความสะอาด
• ขนาดเล็ก พกพาง่าย หนึ่งขวด ใช้ได้ถึง 200 ครั้ง หรือประมาณ 30-50 วัน
• ควรใช้สเปรย์พ่นจมูกก่อนเดินทางออกจากบ้าน อยู่ในสถานที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและท่ามกลางคนหนาแน่น