ช่วงใกล้สิ้นปีทีไร ฝุ่น PM 2.5 มาอีกแล้ว!! แถมหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะฝุ่นเหล่านี้มาจากทั้งการเกษตรเผาไร่ ไฟป่า อากาศที่ไม่มีฝนชะล้างความสกปรก ทำให้ร่างกายได้รับฝุ่น PM 2.5 เสี่ยงเป็นโรคร้ายทั้งปอด หัวใจ และสมองป่วยเป็นอันตรายได้ องค์กรอนามัยโลก (WHO) ตั้งค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM 2.5 ในอากาศ ว่าหากมีเกินกว่า 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ขณะที่ประเทศไทยกำหนดอันตรายของฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ไม่ว่าจะถือมาตรฐานใด ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในกรุงเทพฯ ทุกวันนี้ ถือว่าเข้าขั้นวิกฤติด้วยปริมาณเกือบ 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะบริเวณริมถนนหรือบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่นและรอบสถานที่ก่อสร้าง ฉะนั้นรีบใส่การ์ดให้จมูกเพื่อป้องกันไว้ตั้งแต่วันนี้
“ฝุ่น PM 2.5” คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (Particulate Matter 2.5 – PM2.5) ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทำให้หลายคนขาดความตระหนักถึงอันตรายต่อสุขภาพ โดยฝุ่นละอองจิ๋ว PM 2.5 ส่วนใหญ่เกิดจากการเผาไหม้ต่างๆ และเผาไหม้เครื่องจักร โดยเฉพาะเครื่องยนต์ของทั้งรถยนต์ใหม่และเก่า ซึ่งฝุ่นนี้มักมีปริมาณสูงสุดในช่วงเช้าและเย็น
ยิ่งในช่วงปลายฝนต้นหนาว รวมถึงหน้าหนาวในช่วงสิ้นปี มักจะเป็นช่วงที่มีฝุ่น PM 2.5 ในอากาศมาก เนื่องจากสาเหตุการทำเกษตร เช่น ฤดูกาลเผาข้าวโพด เผาไร่นาเพื่อปลูกใหม่ แถมอากาศแห้งยังมีไฟป่าที่มาพร้อมฝุ่นหนามากมาย ยิ่งอากาศในฤดูหนาว จะไม่มีฝนตกลงมาชะล้างสิ่งสกปรก อากาศนิ่งและแห้ง ส่งผลให้ฝุ่นไม่ลอยขึ้นที่สูงอีก รวมถึงฝุ่น PM 2.5 ในเมือง เช่น กรุงเทพหรือเมืองใหญ่ ก็มีมากเพราะเกิดจากไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ที่ถูกปล่อยสู่อากาศมากมายจนเกิดการทำปฏิกิริยาทางเคมีกับโอโซนและแสงแดด กลายเป็นฝุ่นผงขนาดเล็กที่เป็นปัญหา ทำให้ท้องฟ้าดูหมองหม่นเพื่อมีฝุ่น PM 2.5 สะสมปกคลุมไปทั่วประเทศ
อันตรายของฝุ่น PM 2.5
และเจ้าฝุ่น PM 2.5 ร้ายนี้เองที่เป็นตัวการสำคัญทำให้เรามีอาการแพ้ฝุ่นต่างๆ จนไม่สบาย เจ็บป่วยเป็นโรคร้ายได้มากมายทีเดียว เพราะด้วยขนาดที่เล็กมาก ทำให้ฝุ่นละอองพิษ PM2.5 สามารถถูกสูดเข้าลึกถึงทางเดินหายใจและปอด บางอนุภาคยังอาจเข้าสู่กระแสเลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ ทั้งปัญหาภายนอกหรือผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็น คันตา ตาแดง ผิวแพ้ คัน ผื่น เป็นภัยร้ายที่ส่งผลโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจและปอด ตั้งแต่แพ้อากาศ ทางเดินหายใจอักเสบ ยิ่งเมื่อฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เรามองไม่เห็นสามารถเข้าสู่จมูกและทางเดินหายใจได้ง่ายและเร็ว ยิ่งจะส่งผลให้คนที่ป่วย เช่น โรคหอบหืดกำเริบ หรือเป็นสาเหตุให้คนปกติเป็นหอบหืดได้ ซึ่งหากไม่รีบแก้ไข หรือไม่รู้ตัวว่าได้สูดเอามลพิษขนาดเล็กเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและปอดจนสะสมเป็นเวลานาน อาจเป็นปัจจัยให้เกิดมะเร็งปอดได้ในที่สุด
นอกจากนี้หลายคนอาจไม่รู้ว่าฝุ่นร้าย PM 2.5 ยังเป็นภัยต่อการทำงานของหัวใจและสมอง โดยมีข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (World Health Organization – WHO) ระบุว่า มากกว่า 20% ของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดมีสาเหตุมาจากมลพิษทางอากาศ และทุก ๆ ปีมีมากกว่า 3 ล้านคนที่เสียชีวิตโดยสาเหตุเพราะหากสูดหายใจเอาฝุ่นละอองพิษจิ๋วติดต่อกันระยะหนึ่ง จะส่งผลให้เกิดตะกอนภายในหลอดเลือด จนทำให้หัวใจวาย หลอดเลือดสมองตีบได้ ทั้งยังมีผลต่อเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ และอาจรุนแรงจนส่งผลให้หัวใจวายเฉียบพลัน รวมทั้งเมื่อฝุ่นจิ๋วเข้าสู่กระแสเลือดและเกิดการสะสม จะทำให้ความดันโลหิตสูง เลือดมีความหนืด เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดลิ่มเลือดในสมอง รวมถึงหลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว จนเส้นเลือดในสมองตีบ หรือแตก เป็นสาเหตุของโรคอัมพฤกษ์อัมพาตและเสียชีวิตได้อีกด้วย
ภัยร้ายต่อทางเดินหายใจและปอด
แน่นอนว่ามลพิษในอากาศส่งผลโดยตรงกับระบบทางเดินหายใจและปอด ยิ่งเมื่อฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ยิ่งสามารถผ่านเข้าสู่ทางเดินหายใจได้ง่ายและรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคหอบหืดกำเริบ หรือเป็นสาเหตุให้คนปกติเป็นหอบหืดได้เช่นกัน หากไม่รีบแก้ไข หรือไม่รู้ตัวว่าได้สูดเอามลพิษขนาดเล็กเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและปอดจนสะสมเป็นเวลานาน อาจเป็นปัจจัยให้เกิดมะเร็งปอดได้ในที่สุด
ภัยร้ายต่อหัวใจ
การสูดหายใจเอาฝุ่นละอองพิษเล็กจิ๋วติดต่อกันระยะหนึ่ง ส่งผลให้เกิดการตะกอนภายในหลอดเลือด จนทำให้เกิดหัวใจวาย หรือหลอดเลือดสมองตีบได้ ทั้งนี้การสัมผัสมลพิษทางอากาศยังมีผลต่อเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้เต้นผิดจังหวะ และอาจรุนแรงจนส่งผลให้หัวใจวายเฉียบพลัน
ภัยร้ายต่อสมอง
เมื่อฝุ่นผงขนาดเล็กสามารถผ่านเข้าสู่กระแสเลือดและเกิดการสะสมขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูง และเลือดมีความหนืด ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดลิ่มเลือดในสมอง รวมถึงหลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว ทำให้เส้นเลือดในสมองตีบ หรือแตก เป็นสาเหตุของโรคอัมพฤกษ์อัมพาตและเสียชีวิตได้
กลุ่มเสี่ยงอันตรายจากฝุ่นพิษ
เด็ก ยิ่งอายุน้อย ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากเด็กเล็กมีภูมิคุ้มกันโรคน้อยกว่าผู้ใหญ่ อวัยวะต่างๆ ในร่างกายยังอยู่ในระยะที่กำลังพัฒนา ฝุ่น PM 2.5 ในอากาศจะสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและกระแสเลือดได้ง่ายจนไปขัดขวางการเจริญเติบโตของระบบต่างๆ หรือทำให้เกิดโรคร้ายแรงได้
คุณแม่ตั้งครรภ์ นอกจากภัยร้ายส่งผลต่อตัวคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สูดฝุ่นละอองโดยตรงแล้ว ทารกในครรภ์ยังเป็นอันตรายด้วยเช่นกัน มีการศึกษาพบว่ามลพิษในอากาศมีผลต่อการคลอดก่อนกำหนด เสี่ยงแท้งบุตร และเพิ่มอัตราการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ได้
ผู้สูงอายุ เมื่ออายุมากขึ้นอวัยวะเริ่มเสื่อมถอย ระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกายลดลง ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันลดลง หากต้องเจอกับฝุ่นละออง มีแนวโน้มเป็นโรคหัวใจและหอบหืด โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญฝุ่นพิษให้มากที่สุด
คนป่วยหรือมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะคนป่วยโรคทางเดินหายใจ โรคปอด และโรคหัวใจชนิดต่างๆ การสูดฝุ่นเข้าสู่ร่างกายโดยตรงส่งผลให้โรคกำเริบ จนถึงกับอาจเสียชีวิตได้
ป้องกันฝุ่นไว้แค่ข้างนอก ดีกว่าหายใจเข้าไป
เห็นความนากลัวของฝุ่นร้าย PM 2.5 มากมายขนาดนี้ ก็อย่ารอช้ารีบป้องกันไม่ให้ฝุ่นพิษเข้ามาสู่ร่างกายและทางเดินหายใจได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการใส่หน้ากากอนามัยกันฝุ่น แต่ปัจจุบันแม้หน้ากากก็กันไม่อยู่ เพราะฝุ่นเล็กเป็นละอองลอยอยู่ในอากาศ เข้าสู่จมูกและปอดได้ง่าย ดังนั้นจะดีกว่าไหมถ้าเราเพิ่มเกราะเข้าไปที่จมูกได้อีกชั้น ด้วย “สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก”
ป้องกันฝุ่นไว้แค่ข้างนอก ดีกว่าหายใจเข้าไป
เห็นความนากลัวของฝุ่นร้าย PM 2.5 มากมายขนาดนี้ ก็อย่ารอช้ารีบป้องกันไม่ให้ฝุ่นพิษเข้ามาสู่ร่างกายและทางเดินหายใจได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการใส่หน้ากากอนามัยกันฝุ่น แต่ปัจจุบันแม้หน้ากากก็กันไม่อยู่ เพราะฝุ่นเล็กเป็นละอองลอยอยู่ในอากาศ เข้าสู่จมูกและปอดได้ง่าย ดังนั้นจะดีกว่าไหมถ้าเราเพิ่มเกราะเข้าไปที่จมูกได้อีกชั้น ด้วย “สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก”
สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง (Powder Nasal Spray) Nasaleze PM Shield ดักจับฝุ่นร้าย
- ผงจากสเปรย์จะเปลี่ยนลักษณะเป็นเจลในโพรงจมูก เพื่อดักจับ ป้องกัน ไม่ให้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก
- ฝุ่น PM 2.5 รวมถึงสารมลพิษต่างๆ ในอากาศเข้ามาในเยื่อบุจมูก และผ่านเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
- ผลิตจากสารสกัดจากธรรมชาติ ผงเซลลูโลส HPMC ผงเซลลูโลส 95% และ ผงเลม่อน 5% ที่มี
- คุณสมบัติช่วยดักจับและป้องกัน ฝุ่น PM 2.5 และสารมลพิษต่างๆ เข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูกได้จริง
- มีการศึกษาถึงประสิทธิภาพ ผ่านการศึกษาและทดลองทางคลินิก ในการป้องกันฝุ่น PM 5 ใน
- ห้องปฎิบัติการ พบว่าช่วยจับฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 94% เป็นระยะเวลานานถึง 6 ชั่วโมง
- ออกฤทธิ์เร็วภายใน 2 นาที เพียงเปิดฝา เขย่าขวด บีบพ่นผงเข้าไปในรูจมูกทั้ง 2 ข้าง พ่นวันละ 2-3
- ครั้ง หรือทุก 6-8 ชั่วโมง ก็มีประสิทธิภาพป้องกันฝุ่น PM 2.5 สารมลพิษในอากาศเข้าสู่จมูกได้ตลอดวัน
- อ่อนโยนและมีความปลอดภัยสูง ไม่มีส่วนผสมของยา ไม่มีผลข้างเคียง ใช้ได้ตั้งแต่เด็กวัย
- 18 เดือนขึ้นไป และกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงวัย คุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่ให้นมบุตร
- ผลิตในประเทศอังกฤษ นิยมใช้ในทั่วโลกกว่า 50 ประเทศ
- ควรใช้ สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง ก่อนเข้าไปในบริเวณที่มีฝุ่น PM5 หรือสถานที่มีสารมลพิษในอากาศสูง หรือพ่นสเปรย์ที่จมูกก่อนออกนอกบ้านทุกครั้ง และพกพาไว้ใช้ระหว่างวัน เพื่อความมั่นใจ ว่าจะฝุ่นละออง PM2.5 และสารมลพิษร้าย จะไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ตลอดเวลา
วิธีใช้นาซัลลีซ พีเอ็ม ชีลด์
พ่นวันละ 2-3 ครั้ง หรือทุก 6-8 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันฝุ่น PM2.5 สารมลพิษในอากาศเข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูก
นาซัลลีซ พีเอ็ม ชีลด์ เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และเด็กอายุตั้งแต่ 18 เดือนขึ้นไป
#Nasaleze #นาซัลลีซ #สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง #NasalezePMShield #PM2.5
#สเปรย์พ่นจมูกดักจับฝุ่นขนาดเล็ก #MadeInEngland #ระวังของเลียนแบบ
#เพิ่มการ์ด #ExtraProtection #นวัตกรรมใหม่ #innovation #มลพิษ #อากาศเสีย
#ฝุ่นควัน #ควันท่อไอเสีย #pollution #วัณโรค #ปอดอักเสบ #เผาป่า #ไฟป่า
Line : @nasaleze (มี@ ด้านหน้าด้วยนะคะ) หรือ คลิก https://lin.ee/Iy3ufdh